มองแต่แง่ดีเถิด
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริงฯ
นิทานเรื่องสั้นของท่านพุทธทาส  เรื่อง แม่-ลูก
กระบวนแห่สิงโต ผ่านมาในถนน ประชาชน แตกตื่น พากัน อุ้มลูก จูงหลาน ออกมาดู เด็กอายุ ๓-๔ ขวบคนหนึ่ง ร้องไห้ เพราะความกลัว สิงโตก็ดิ้น อย่างจะสิ้นชีวิตลงไป แม่ต้องอุ้ม พาหนี เข้าไปใน สวนข้างถนน แห่งหนึ่ง พลางบ่นว่า น่าสงสารลูกโง่ๆ คนนี้เหลือเกิน แม่จะได้ดูอะไร สักนิด ก็ไม่ได้ดู ทันใดนั้นเอง แม่ก็ดิ้น และร้อง วิ๊ดว๊าดขึ้น เพราะกิ้งกือ ตัวหนึ่ง เผอิญหล่นลงมา จากต้นไม้ ตกลงไปในเสื้อ ลูกเล็กๆ คนนั้นเอง หัวเราะชอบใจ เมื่อเขาบอกแม่ว่า เขาจะช่วย หยิบออกให้ แล้วก็ช่วย หยิบทิ้งให้จริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: มันเป็นการ สุดวิสัย ที่จะไม่ให้ลูกๆ กลัว สิ่งที่มีลักษณะ และอาการ อย่งภูตผี ปีศาจ กระโดด โลดเต้น เข้ามา ราวกะจะจับ เอาตัวไปกินเสีย ฉะนั้น แต่ทีแม่เอง กลับกลัว กิ้งกือ ตัวนิดเดียว! ทั้งเลื้อยด้วย ท่าทางอันนิ่มนวล อ่อนโยน ราวกะเข้ามาแสดง ความเคารพ หรือ ขอความช่วยเหลือ อะไรสักอย่างหนึ่ง ความกลัวของแม่ ก็กลัวอย่าง จะขาดใจตาย เช่นเดียวกับลูกเหมือนกัน! เมื่อประกอบด้วย อวิชชา อยู่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจ หรือ เป็นสัตว์ตัวนิดๆ เช่น กิ้งกือไส้เดือน ก็ตาม ย่อมสามารถ ปลุกปั่น ความกลัว (วิภวตัณหา) ได้โดย ทำนองเดียวกัน ในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความขลาด และวิ่งหนี ได้โดยเสมอกัน ในที่สุด ก็เหลือแต่ สิ่งที่ต้องคำนวณดูว่า ลูกอายุเพียง ๒-๓ ขวบ ส่วนแม่อยู่ในฐานะ ที่เป็นแม่ หรือ ผู้ปกครอง สั่งสอนลูกแล้ว ในกรณีนี้ ใครเล่าที่โง่เขลา น่าสมเพชกว่าใคร ในระหว่าง แม่-ลูก รายนี้
คัดจากหนังสือ นิทานเซ็น มหรสพทางวิญญาณเพื่อจริยธรรม เล่าโดย.. ท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม ณ หอประชุมคุรุสภา พุทธศักราช ๒๕๐๕ พิมพ์โดย ธรรมสภา
สำนักพิมพ์ฟ้าประทานบุ๊ค