ยินดีต้อนรับสู่ฟอรั่ม 96 เสวนาธรรมบำเพ็ญ
กรุณา ลงทะเบียน เพื่อสามารถใช้งานฟอรั่มได้อย่างเต็มรูปแบบ !
ลงทะเบียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและใช้เวลาเพียงเล็กน้อย

"โดยพื้นฐานธรรมชาติเดิมแท้ของตัวเรา
เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และสะอาด
ถ้าเรารู้จิตของเราและเห็นถึงธรรมชาติเดิมแท้ของเรา
เราทั้งหลายก็จะบรรลุถึงความเป็นพุทธะ"

หน้า: [1]   ลงล่าง
  ตอบ  |  พิมพ์  
Share this topic on FacebookShare this topic on Twitter
ผู้เขียน หัวข้อ: สติควบคุมจิต  (อ่าน 5576 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Uzumaki Naruto
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 01:12:28 AM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ




กุศลและอกุศลมันเกิดขึ้นสัมผัสจิตของเราเอง ถ้าเรามีสติดีมันก็หมุนไปตามกุศลกรรม คิดแต่ทางดี ไม่คิดอิจฉาริษยาใครทั้ง หมด มีแต่คิดเมตตาสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากลำบากด้วยกัน คิดอยากเกื้อกูลอุดหนุนเขาไปตามสติกำลังของเราที่จะทำได้ จิตอันนี้คิดเป็นกุศล ถ้ามีผู้มาด่าว่าเบียดเบียนเสียดสี จิตดวงนั้นมันก็คิดได้ว่าเป็นกรรมเก่าของเรา มันก็ทำทานไปหมด ไม่ติดต่อกรรมเก่าไว้ต่อไปอีก ไม่มีเรื่องของกรรมเก่ากรรมใหม่ ตั้งหน้าสร้างแต่กรรมดี คิดแต่ทางดี พูดแต่ทางดี ทำแต่ทางดี มันดีมาจากจิตทั้งนั้น จิตดีพูดออกมาก็ดี การกระทำทางกายก็ดี ถ้ากายดี วาจาดี จิตดี แล้วเราจะไปหาดีจากที่ไหนอีกเล่า ความดีมันก็อยู่ที่จิตของเราเอง ความชั่วมันก็อยู่ที่ จิตของเราเอง
      
      ถ้าเรารู้จักชั่วว่ามันจะพาเราชั่วเสียหาย ก็ให้เรามีสติละชั่ว ทำแต่ทางดี ก็เป็นบุญ ถ้าว่าบุญมีแล้ว ทำอันใดก็ได้ง่าย ไม่มีเวรไม่มีภัย เราเป็นผู้ไม่ก่อเวร เราก็ไม่มีเวร เราไม่ก่อภัย เราก็ไม่ภัย เราไม่ก่อกรรม เราก็ไม่มีกรรม เราทุกคนเกิดมารับผลของกรรมเก่าของเราที่ทำมาแล้วทั้งนั้น
      
      ฉะนั้น เราต้องตั้งสติให้มั่นคง เพื่อจะได้มองเข้ามาตรวจดูต้นสายปลายเหตุที่เป็นภัยของจิตที่มันติดข้องอยู่ พาให้เราเป็นทุกข์อยู่ในภพทั้งสามนี้เอง
      
      กามภพ คือจิตมันหลงติดอยู่ในกาม ติดรูปของเราเอง จิตของเรามันหลงยึดถือว่าเป็นตัวตนอย่างจริงจัง แล้วรูปภพมันก็เกี่ยวเนื่องกันมา มีตามันเห็นก็ไปติดรูปที่มีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ มันพันเกี่ยวเนื่องกันมาหมด ทุกอย่างเปรียบเหมือนมัดวัวไว้กับหลัก หลักก็ติดวัว วัวก็ติดหลักผูกพันอยู่เป็นคู่กันไป เรื่องของโลกมันเป็นอยู่อย่างนั้นไม่สิ้นไม่สุดลงได้ ยืดยาวแบบนี้ เดี๋ยวเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวก็เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้อง ไห้สลับกันอยู่อย่างนั้นเรื่อยไปน่าเบื่อหน่าย มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายไม่มีความสงบระงับได้เลย
      
      ถ้าเราไม่พินิจพิจารณาเรื่องของโลกให้มันเห็นแจ้ง เห็นชัดแยบคายอย่างถี่ถ้วนแล้ว เรื่องต่างๆ มันก็เป็น พืชพันธุ์ผสมอยู่ในดวงจิตอย่างมองเห็นได้ยาก เปรียบเหมือนเราจะดับไฟ แทนที่จะดับด้วยน้ำเราเผลอสติเอาขี้ขยะมาถมไฟ หรือขี้แกลบมาถมเพื่อให้เชื้อไฟมันดับ อย่าหวังว่ามันจะดับได้เลย เชื้อของไฟมันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นฉันใด เรื่องของกิเลสตัณหาที่มันข้องอยู่ในจิตของเรามาแล้วนับภพนับชาติไม่ได้ เราจะมาประพฤติปฏิบัติเพียงนิดหน่อย จะให้มันพ้นไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเป็นของง่าย และก็ไม่ใช่ว่าเป็นของยากจนเหลือวิสัย ขอแต่ให้เราทำแท้ทำจริงอบรมสติปัญญาของเราให้แก่กล้ายิ่งๆ ขึ้นไป พิจารณาสอดส่อง ให้รู้จริงเห็นแจ้งในสภาพเหล่านี้ จึงจะรู้จักของจริง
      
      ธาตุทั้งสี่มันก็แตกสลายเสื่อมโทรมลงไปทุกลมหายใจเข้าออกอยู่เป็นนิจ เราไม่ได้พิจารณาดูให้เห็นความเสื่อมก็เลยกลับเห็นว่าเป็นของสวยของงามไปหมด จึงมีความรักใคร่กำหนัดยินดีหลงยึดหลงถือว่าเป็นของจริงของเที่ยง ที่แท้แล้วมันเป็นของเท็จหลอกลวง ของไม่เที่ยงทั้งนั้นไม่มั่นคงถาวรอยู่ได้เลย เกิดมาแล้วมีแต่เสื่อมสิ้นไป สิ่งเหล่านี้มันเป็นเครื่องปิดกั้นให้อยู่ในกองทุกข์กองไฟทั้งนั้น ล่อให้เราหลงมัวเมา เสียเวลาไปพิจารณาแต่เรื่องภายนอก ไปดูแต่รูปอื่น ฟังเสียงอื่นอยู่เรื่อยไป เพลิดเพลินอยู่กับสิ่งภายนอกจนเฒ่าจนแก่จนตายมามากมายเหลือหลายในโลกนี้ ติดข้องวุ่นวายอยู่ด้วยกันทั้งหมด
      
      คนที่มัวเมาอยู่กับกิเลสตัณหานี้นับวันแต่จะมืดเข้าทุกที ไม่มีวันหายได้เลย แก่ไปเท่าใดยิ่งติดข้องมากขึ้น มีลูกก็ติดข้องอยู่กับลูก มีหลานก็ติดข้องอยู่กับหลาน มีเหลนก็ติดข้องอยู่กับเหลน ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ แก่แล้วอยู่กับลูกกับหลานกับเหลนกับบ้านกับของ อยู่กับเงินกับทอง แล้วก็ตาย เราตายแล้วจะไปไหนกันแน่
      
      เราต้องตรวจดูให้ละเอียด จึงจะรู้เห็นด้วยตนเองว่า เมื่อจิตมันติดข้องยึดถืออันใดไว้เราก็รู้ จิตของเราไม่ติดข้องไม่ยึดถือเราก็รู้ ถ้าว่าเรามีสติรู้เท่าอยู่ได้เสมอไป มันก็ค่อยปล่อยค่อยละวางไปทีละเล็กละน้อย จะค่อยเบาบางลงไป จะได้เห็นแจ้งชัดขึ้นมาว่า ในตัวตน ของเราของเขานั้นมันไม่มีอันใดจะเที่ยงแท้แน่นอนสักอย่างเดียว เป็นแต่เพียงอาศัยกันสืบไปจนวันตาย เท่านั้น แล้วก็เป็นของคนอื่นไป หมุนวนเกี่ยวเนื่องกัน อยู่อย่างนั้นไม่สิ้นไม่สุด เรื่องของจิตมันติดข้องหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะฉะนั้นเราต้องประพฤติปฏิบัติให้ มันเคร่งครัด เพื่อให้กิเลสตัณหามันเบาบางลงไปในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี้ ต้องประพฤติปฏิบัติอย่างจริง จึงเพื่อดับทุกข์ดับกิเลส
บันทึกการเข้า
carecredit
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 13, 2012, 10:48:06 PM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
mydk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2012, 02:23:47 AM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


จิตใจที่สมบุรณ์ จะอยู่ในร่างกายที่สมูรณ์



รับทำเว็บไซต์ ลงประกาศฟรี sylphy ตลาดนัด
บันทึกการเข้า
dorankseo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2012, 02:28:16 PM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ



หลังคาเมทัลชีท  แบบแผนผังที่พักอาศัยปริมาตรน้อย พร้อมด้วยงานปรับใช้ชำระคืนหลังคาเมทัลชีทลงมามีชีวิตโครงสร้างย่านเด่น ประเภทหลังคาทำให้ตรงโค้ง เป็นผลดีโภคทรัพย์พื้นที่เด่นเกี่ยวกับกระบิหลังคาเมทัลชีท เนื่องแต่อุปกรณ์ทำเนียบทำจากโลหะ เป็นได้บริหารประทานหมายถึงแท่งยาวเหยียดสืบเนื่องได้มา การวางจำเป็นต้องชำระคืนผสานพร้อมหลังคาสัณฐานเหล็ก แบบอย่างทำเนียบขนองตรงนี้ เปลืองกระบิเมทัลชีทปรี่ข้างหลังคาตำแหน่งบนบานแค่ 8 กระบิเพียงนั้น กับประทุนเทอร์เรซอันดับสองเปิดต่างหากตัวตึก สัมผัสเนรมิตวางบนบานเนินเขามัตติกา รูปร่างบ้านช่องห้องหับเก่งรับธาตุลมจัดหามาปกติในที่ด้านหน้า การอ่าเขตรอบๆ จ้านสวนตอบวางเหล่บริสุทธิ์ผ่องใส รอบร่างบ้านช่องห้องหับเทพื้นดินคอนกรีต ดีไซน์พื้นดินแอ่น เพื่อให้เข้าไปพร้อมทั้งอวัยวะบ้านช่อง ภายในบ้าน เสริมแต่งดังเกลี้ยงสะดวก เน้นหนักทุกข์สุขทรงพอ ทั้งเป็นบ้านช่องอีกปฤษฎางค์ในดีไซน์หาได้ตระการดวงตาด้วยกันน่าจะเข้าอยู่ครอบครองเหลือประมาณ ความจุกระเหน็บคาด มิเอียด มิใหญ่จนถึงพ้นเคลื่อน
likeHome, ที่อยู่อาศัยหลังคาเมทัลชีท, ทิวภาพหลังคาเมทัลชีท, หลังคาบ้านช่องห้องหับหัวเลี้ยว, หลังคาเมทัลชีท, เมทัลแม่ชีท www.metalsheetdesign.com
======================================================
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  ตอบ  |  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

+ ตอบด่วน
 


96 ธรรมคือแรงใจ | ปิ๊งแว๊บ ! ปััญญาแจ่มบรรเจิด | อ่านธรรม | มูลนิธิเมตตาอาทร | เสบียงบุญ | วิถีอนุตตรธรรม |

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความคิดเห็น

1. โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
2. ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นเวบบอร์ดโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไปและสมาชิก
ซึ่งทีมงาน 96rangjai มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้
3. หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
4. ทีมงาน 96rangjai ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น