ยินดีต้อนรับสู่ฟอรั่ม 96 เสวนาธรรมบำเพ็ญ
กรุณา ลงทะเบียน เพื่อสามารถใช้งานฟอรั่มได้อย่างเต็มรูปแบบ !
ลงทะเบียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและใช้เวลาเพียงเล็กน้อย

"โดยพื้นฐานธรรมชาติเดิมแท้ของตัวเรา
เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และสะอาด
ถ้าเรารู้จิตของเราและเห็นถึงธรรมชาติเดิมแท้ของเรา
เราทั้งหลายก็จะบรรลุถึงความเป็นพุทธะ"

  แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 3 [4]
46  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ / Re: กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 08:24:05 PM
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=zHyuv7wHrAo" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=zHyuv7wHrAo</a>
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
47  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ / Re: กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 08:23:04 PM
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XittSo7wAqQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XittSo7wAqQ</a>
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
48  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ / Re: กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 08:22:11 PM
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ZS1Ue8jLI1Y" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ZS1Ue8jLI1Y</a>
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
49  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ / Re: กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 08:19:27 PM
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gmG-WJ6wpVM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gmG-WJ6wpVM</a>



ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
50  เสวนาธรรม-พูดคุย / บำเพ็ญธรรมกับการกินเจ / Re: ชีวิตที่ร่ำไห้ เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 07:57:22 PM
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=NMiGWZ7Blv4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=NMiGWZ7Blv4</a>
[/center]
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
51  เสวนาธรรม-พูดคุย / บำเพ็ญธรรมกับการกินเจ / ชีวิตที่ร่ำไห้ เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 02:41:23 PM

ชีวิตที่ร่ำไห้
ตอนที่ 1

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=pFtIurq-wK4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=pFtIurq-wK4</a>


ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
52  เสวนาธรรม-พูดคุย / บำเพ็ญธรรมกับการกินเจ / หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 02:31:46 PM
ขอยกคำสอนของหลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร แห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง มา ณ ที่นี้



หลวงพ่อเคยสอนผม หลังจากผมเรียนท่านว่า
“ครูบาอาจารย์บางท่านสอนว่า พระอริยเจ้าท่านฉันอาหารไม่ได้สนใจแล้วว่าอันนี้ผักหรือเนื้อ
คือมองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ และฉันเพียงเพื่อให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ได้
แต่หลวงพ่อไม่ฉันเนื้อสัตว์ อย่างนี้จะไม่เป็นการขัดกันหรือครับ”

หลวงพ่อก็ตอบว่า “ก็ถูกของเขาที่ว่า มองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔

แต่อันนั้นก็ต้องระวังว่า
กิเลสความอยากกินเนื้อมันก็มีแอบแฝงไว้เหมือนกัน
สำหรับบางคนที่เอามาใช้เป็นข้ออ้าง
สำหรับหลวงพ่อเอง เราไม่ฉันก็เพราะสงสารสัตว์เขาน่ะ


พูดกันตรงๆ แบบคนเดินดินธรรมดาๆ นี่แหละ คิดดูซิ เอาเลือดเอาเนื้อของเขามากิน
อย่างหมู หรือวัว ควาย ทุบหัวเขาแล้วยังมาแทงคอเขาซ้ำอีก
มันทารุณเหลือเกิน เป็ดไก่ ก็เหมือนกัน เชือดคอแล้วก็ปล่อยให้มันดิ้นพรวดพราด
เลือดนี้ไหลพุ่งทะลักออกมา เจ็บปวดแค่ไหนเอ็งน่าจะรู้ดี และถ้าเป็นเอ็งโดนบ้างแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ก็ขนาดเราถูกมีดบาด แผลนิดหนึ่งยังว่าเจ็บๆ แล้วนั่นเอ็งว่าสัตว์เขาจะเจ็บแค่ไหนล่ะ
หรืออย่างกะปิ น้ำปลา กะปิหนึ่งกระปุก ใช้กุ้งกี่ตัว
น้ำปลาหนึ่งขวด ทำจากปลาเล็กกี่ตัว นับไม่ถ้วนเลย
คนเราในช่วงเกิด แก่ เจ็บ ตายในหนึ่งชีวิตนี้น่ะ ต้องอาศัยเลือดเนื้อของสัตว์อื่นไปตั้งเท่าไร


อ้างถึง
ฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย ถือว่าเป็นหนทางหนึ่งที่งดการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก
แล้วเราก็หมั่นแผ่เมตตาบารมีอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์โลกไป ให้เขาอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
แค่นี้แหละไม่ยากอะไรไม่ใช่หรือ”

แต่พระองค์ก็อนุญาตให้พระไม่ฉันเนื้อด้วยรังเกียจในเนื้อสัตว์ด้วยสาเหตุหลายประการไม่ใช่หรือ
หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปว่าอะไรใครเขา เราดูแต่ตัวเรา ปรารถนาเอาเมตตาเป็นสัจจะบารมี
พร้อมด้วยสติ สัมปชัญญะ และความเพียรไม่ท้อถอย เราก็พ้นทุกข์ได้เช่นกัน”


และท่านให้ธรรมะเพิ่มเติมอีกว่า “คนเรามันก็แค่หาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
กินดีแค่ไหนก็ขี้ออกมาสกปรกเหมือนกัน เข้าแล้วก็ออกอยู่อย่างนี้ แล้วจะเอาอะไรนักหนา
ทำไมต้องไปเอาเลือดเนื้อของเขามาบำรุงบำเรอตน
หลวงพ่อเองก็กินผักกินหญ้าไปวันหนึ่งๆ ก็พออยู่ได้แล้ว”


--------------------------------------------------------------------------


วามเห็นจาก พระอาจารย์

อาตมามั่นใจว่าหากชาวพุทธปฏิบัติศีลข้อ ๑ อย่างเคร่งครัด ก็ไม่มีเนื้อสัตว์กินแล้ว
เพราะไม่มีใครฆ่ามาขาย หรือฆ่ามากิน ยิ่งอาชีพที่ชาวพุทธที่พระพุทธเจ้าห้ามอีก
เป็นมิจฉาอาชีพ(อาชีพที่ผิดเป็นบาป) ๕ ประการ คือ
๑.การค้าขายอาวุธ
๒.การค้าขายสัตว์เป็น
๓.การค้าขายเนื้อสัตว์
๔.การค้าขายยาพิษ
๕.การค้าขายสิ่งเสพติด มอมเมา
อนุโมทนาสาธุกับโยมที่มีความเห็นที่ถูกต้องใน
เรื่องนี้ ธรรมรักษา

พอสรุปได้ในตัว นอกจากสุขภาพ ที่ดีกว่า ยังทำให้ศีล มั่นคง เว้นจากการฆ่า สังหาร
เว้นบริโภคเนื้อสัคว์ เพื่อเมตตาธรรม ต่อสรรพสัตว์ เืพื่อนร่วมโลก
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
53  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ / กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 05:35:52 PM
地藏菩萨本愿经
กษิติครรภ์มูลปณิธานสูตร
อ้างถึง
"หากในนรกยังไม่ว่างจากสัตว์
ที่ต้องรับทุกข์ทรมาน เราก็จะไม่ขอสำเร็จ
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ"
ตอนที่ 1

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=m2S-NWR6UCU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=m2S-NWR6UCU</a>
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
54  แหล่งความรู้ประดับปัญญา / ถาม-ตอบ วิถีอนุตตรธรรม / 常禮舉要選錄 “จริยะทั่วไป บทคัดเลือกบันทึกพอสังเขป” เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 03:03:48 PM
常禮舉要選錄
   (ฉาง หลี่ จวี่ เย่า เสวี่ยน ลู่)
   “จริยะทั่วไป บทคัดเลือกบันทึกพอสังเขป”
   

居家 (จวี เจีย) การอยู่อาศัย
1.   為人子不晏起,衣被自己整理,晨昏必定省。
   (เหวย เหยิน จื่อ ปู๋ เยี่ยน ฉี่, อี เป้ย จื้อ จี่ เจิ่ง หลี่, เฉิน ฮุน ปี้ ติ้ง สิ่ง)
เมื่อเป็นเด็กอย่าได้นอนตื่นสาย เสื้อผ้าและผ้าห่มต้องพับด้วยตนเอง ยามเช้าและก่อนนอนรู้ทักทายอรุณสวัสดิ์ ราตรีสวัสดิ์ต่อพ่อแม่
(หมายเหตุ ปลูกฝังความเคยชิน ฝึกทำอะไรด้วยตนเอง บ่มเพาะความมีวินัย)
2.   為人子坐不中席、行不中道。
(เหวย เหยิน จื่อ จั้ว ปู้ จง สี, สิง ปู จง เต้า)
เป็นเด็กเวลานั่ง ไม่ควรนั่งตำแหน่งตรงกลาง เวลาเดินไม่ควรเดินตำแหน่งกลาง
3.   為人子出必告、反必面。
(เหวย เหยิน จื่อ ชู ปี้ เก้า, ฝั่น ปี้ เมี่ยน)
เป็นลูกเวลาออกไปไหน หรือกลับจากข้างนอก ควรบอกกล่าวต่อพ่อและแม่
4.   長者與物,須兩手奉接。
(จั่ง เจ่อ อวี่ อู้, ซวี เหลี่ยว โส่ว เฟิ่ง เจีย)
ยามผู้ใหญ่มอบของให้ ควรรับด้วยสองมือรับกิริยานอบน้อม
5.   徐行後長,不疾行先長。
(สวี สิง โฮ่ว จั่ง, ปู้ จี๋ สิง เซียน จั่ง)
เวลาเดินควรเดินตามหลังผู้ใหญ่ อย่ารีบร้อนเดินแซงหน้าผู้ใหญ่
6.   長者立,不可坐;長者來,必起立。
(จั่ง เจ่อ ลี่, ปู้ เข่อ จั้ว, จ่าง เจ่อ ไหล, ปี้ ลี่ ฉี่)
ผู้ใหญ่ยืน อย่าได้นั่ง ขณะผู้ใหญ่เดินผ่านมา ควรลุกขึ้นยืน

7.   不在長者座前踱來踱去。
(ปู้ ไจ้ จ่าง เจ่อ จั้ว เฉียน ตั้ว ไหล ตั้ว ชวี่)
ขณะที่อาวุโสนั่งอยู่ อย่าได้เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณด้านหน้า
8.   立不中門,過門不踐門限。
(ลี่ ปู้ จง เหมิน, กั้ว เหมิน ปู๋ เจี้ยน เหมิน เซี่ยน)
ยามยืน ไม่ยืนตรงกลางประตู หากเดินเข้าประตู ไม่ควรเหยียบธรณีประตู
9.   立不一足跛,坐勿展腳如箕,睡眠不仰不伏,右臥如弓。
(ลี่ ปู้ อี จู๋ ป่อ, จั้ว อู้ จัน เจี่ยว หยู จี, ซุ่ย เหมียน ปู้ อี่ ปู้ ฝู, อิ้ว ว่อ หยู กง)
เวลายืน ต้องยืนตัวตรง อย่าได้ยืนพักขา ยามนั่งอย่าได้นั่งกางขากว้าง ยามนอนไม่นอนแผ่หรา ไม่นอนคว่ำ ให้นอนเหมือนดั่ง “弓” (กง) (คันธนู)
10.   同桌吃飯,不另外備美食獨啖。
(ถง จัว ชอ ฟั่น, ปู้ ลิ่ง ไว่ เป้ย เหม่ย สือ ตู่ ตั้น)
ยามนั่งทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ไม่ควรเตรียมของอร่อยพิเศษไว้เฉพาะตน
11.不挑剔食之美惡。
(ปู้ เทียว ชื่อ สือ จือ เหม่ย เอ้อ)
ไม่เลือกอาหาร ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย
12.食時不歎、不訓斥子弟。
(สือ สือ ปู๋ ทั่น, ปู๋ ซวิ่น ชื่อ จื่อ ตี้)
เวลาทานอาหารไม่ถอนหายใจ ไม่สั่งสอนลูกศิษย์ในขณะที่รับประทานอาหาร
(หมายเหตุ เวลาทานอาหารไม่ควรทอดถอนใจ สั่งสอนหรือด่าว่าผู้น้อย เวลาทานอาหารควรตั้งใจรับประทาน ไม่เหมาะกาลเทศะสั่งสอนผู้อื่น เพราะถ้าทำแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อรสชาติอาหารและสุขภาพร่างกาย)

處世 (ฉู่ ซื่อ) การจัดการเรื่องราว
1.   無道人之短,無說己之長。
(อู๋ เต้า เหยิน จือ ต่วน, อู๋ ซัว จี่ จือ ฉาง)
ไม่พาดพิงถึงข้อบกพร่องของผู้อื่น ไม่พูดถึงจุดเด่นของตนเอง
2.   家庭之事,不可向外人言。
(เจีย ถิง จือ ซื่อ, ปู้ เข่อ เซี่ยง ไว่ เหยิน เหยียน)
เรื่องต่างๆของครอบครัว อย่าได้นำเอาไปพูดกับคนข้างนอก
3.   口為禍福之門,話要經一番考慮再說。
(โข่ว เหวย ฮั่ว ฝู จือ เหมิน , ฮว่า เย่า จิง อี้ ฟัน เข่า ลวี่ ไจ้ ซัว )
ปากคือที่มาของเคราะห์ภัยและบุญวาสนา ก่อนพูดสิ่งใดต้องขบคิดพิจารณาให้รอบคอมเสียก่อน จึงค่อยพูด
4.   見失意人,不說得意語;見老年人,不說衰喪話。
(เจี้ยน ซือ อี้ เหยิน, ปู้ ซัว เต๋อ อี้ อวี่, เจี้ยน เหล่า เหนียน เหยิน, ปู้ ซัว อาย ซัง ฮว่า)
เห็นคนอื่นตกอยู่ความผิดหวัง อย่าได้พูดความสมหวังข่มท่าน พบเจอผู้อาวุโสกว่า อย่าได้พูดถึงความเสื่อมถอยและเรื่องราวความตาย
5.   交淺不可言深,絕交不出惡聲。
(เจียว เฉี่ยน ปู้ เข่อ เหยียน เซิน, เจวี๋ย เจียว ปู้ ชู เอ้อ เซิง)
ในยามคบค้าสมาคมกับผู้คนทั้งหลาย อย่าได้พูดอะไรที่ลึกซึ้งสนินสนมเกินไป ยามตัดสัมพันธ์ไมตรี อย่ากล่าวคำพูดที่เลวร้ายจนเกินเหตุ
(หมายเหตุ:คนที่เพิ่งรู้จักกันทั่วไป ไม่ใช่คนสนิท แค่เพียงเจอหน้าก็พยักหน้าให้กัน ต่างฝ่ายยังรู้จักกันไม่ดีพอ จึงไม่ควรพูดถึงอะไรที่สนินเกินไป ต้องดูคน ดูสถานการณ์ที่เหมาะสม มิฉะนั้น อีกฝ่ายจะรู้สึกไม่เกรงใจ)
6.   不侮辱人,不向人開玩笑。
(ปู้ อู หยู่ เหยิน, ปู๋ เซี่ยง เหยิน ไค หวัน เซี่ยว)
ไม่ดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น ไม่ล้อเล่นต่อกระซิกกับคนอื่น
7.   與殘疾人會面,須格外恭敬。
(อวี่ ฉาน จี๋ เหยิน ฮุ่ย เมี่ยน, ซวี เก๋อ ไว่ กง จิ้ง)
พบหน้าผู้ทุพพลภาพ ควรมีจรรยาให้เกียรติและเคารพเขา
8.   於肩挑小販、苦力,莫討便宜。
(อวี๋ เจียน เทียว เสี่ยว ฟั่น, ขู่ ลี่, ม่อ เถ่า เผียน อี๋)
กับพ่อค้าแม่ค้า ผู้ใช้แรงงาน อย่าได้เอารัดเอาเปรียบพวกเขา
9.   施恩求忘,受恩必報;開罪於人須求解,開罪於我應加恕。
(ซือ เอิน ฉิว วั่ง, โซ่ว เอิน ปี้ เป้า, ไค จุ้ย อวี่ เหยิน ซวี ฉิว เจี่ย, ไค จุ้ย อวี๋ หว่อ อิง เจีย ซู่
เผื่อแผ่ความการุณย์กับผู้อื่น วอนตนลืมสิ้นอัตตา หากได้รับคุณ รู้ตอบแทนคุณ สิ่งใดผิดพลาดต่อผู้อื่น พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ หากคนอื่นผิดพลาดต่อเรา เราควรใจกว้าง โอบอ้อมให้อภัย
10.   善人自當親近,須要久敬;惡人自當敬而遠之。
(ซั่น เหยิน จื้อ ตัง ชิน จิ้น , ซวี เย่า จิ่ว จิ้ง , เอ้อ เหยิน จื้อ ตัง จิ้ง เอ๋อ เอวี่ยน จือ)
เจอคนดีมีคุณธรรมควรชิดใกล้ เคารพถึงที่สุด เจอคนไม่ดีควรให้ความเคารพ แต่พยายามวางตัวให้ห่างไว้
11.   遇事要鎮靜,做不到的事,莫妄逞能。
(อวี้ ซื่อ เย่า เจิ้น จิ้ง, จั้ว ปู้ เต้า เตอะ ซื่อ, ม่อ วั่ง เฉิ่ง เหนิง)
ยามเจอเรื่องราวต่างๆสงบอารมณ์ สิ่งใดที่ทำไม่ได้อย่าหลงฝัน เพ้ออวดความสามารถตน
12.   瓜田不納履,李下不整冠。
(กวา เถียน ปู๋ น่า หลวี่, หลี่ เซี่ย ปู้ เจิ่ง ก้วน)
อยู่สวนแตงไม่ก้มผูกรองเท้า อยู่ใต้ต้นพลัมไม่เอื้อมมือจัดหมวก
13.   凡事要合理智,不可偏重感情。
(ฝาน ซื่อ เย่า เหอ หลี่ จื้อ, ปู้ เข่อ เพียน จ้ง กั่น ฉิง)
ไม่ว่าเรื่องใดควรใช้ปัญญามาจัดการให้ถูกหลักเหตุผล อย่าลำเอียงเห็นแก่ความสัมพันธ์ตน
14.   己所不欲,勿施於人。
(จี๋ สั่ว ปู้ อวี้, อู้ ซือ อวี๋ เหยิน)
สิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ อย่าได้เอาไปให้ผู้อื่น
15.   凡求教他人的事,必須造門請問。
(ฝาน ฉิว เจี้ยว ทา เหยิน เตอะ ซื่อ, ปี้ ซวี เจ้า เหมิน ฉิ่ง เวิ่น)
ไม่ว่าเรื่องใดที่ขอคำชี้แนะจากผู้อื่น  ควรทำตามระเบียบของสถานนั้น

出門 (ชู เหมิน) ออกจากบ้าน
1.   衣冠不求華美,唯須整潔。
(อี กวน ปู้ ฉิว ฮว๋า ลี่, เหวย ซวี เจิ่ง เจี๋ย)
เสื้อผ้า หมวก การแต่งกายไม่ฉูดฉาด ขอเพียงให้สะอาดเรียบร้อย
2.   見長者,必趨致敬。
(เจี้ยน จ่าง เจ่อ , ปี้ ชวี จื้อ จิ้ง)
พบผู้ใหญ่ ควรแสดงคารพนอบน้อม
3.   登高不呼、不指、不招呼。
(เติง เกา ปู้ ฮู, ปู้ จื่อ, ปู้ เจา ฮู)
ขึ้นเขาสูง หรืออยู่บนที่สูง) ไม่ร้องเรียก ไม่ชี้นิ้ว ไม่ตะโกนทักทาย
(หมายเหตุ ๑) ยามอยู่ที่สูงกว่า เช่นกำลังปีนป่ายอยู่บนที่สูง หรือบนอาคารในชั้นระดับที่สูงกว่า ไม่ควรร้องตะโกนลงมาเรียกคนที่อยู่ด้านล่าง จะทำให้ผู้อื่นงุนงงว่ากำลังเรียกหรือต่อว่าใครกันแน่
(หมายเหตุ ๒ ไม่ชี้ (นิ้วส่งเดช ยามอยู่ที่ระดับสูงกว่า ไม่ชี้มั่วไปมา เช่น ชี้นิ้วว่านั่นภูเขาอะไร นี่สายน้ำอะไร คนที่ด้านล่างเป็นใคร การชี้นิ้วเช่นนี้โดยไม่พูด จะทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญและสงสัย
(หมายเหตุ ๓ ไม่ตะโกนทักทาย (อยู่บนที่สูงกว่าไม่ตะโกนทักทายข้ามหัวลงมา คนข้างล่างอาจจะงง อาจจะเข้าใจผิดว่ากำลังร้องทักทายใคร
4.   路上不嚼食物、不歌唱。
(ลู่ ซั่ง ปู้ เจี๋ยว สือ อู้, ปู๋ ชั่ง เกอ)
กำลังเดิน ไม่ควรเดินไปเคี้ยวรับประทานอาหารไป ไม่ควรเดินไปกอรปกับร้องเพลงไป
(หมายเหตุ เพื่อสุขภาพอนามัย ไม่เดินไปกินไป เพราะข้างนอกมีฝุ่นละอองมากมาย การร้องเพลงก็เช่นกัน ฝุ่นละอองอาจเข้าปาก อีกทั้งการเดินไปกินไป ร้องเพลงไป เป็นการไม่สำรวมจริยา)
5.   乘車,見長者必下;見幼者,亦須與之頷首為禮。
(เฉิง เชอ, เจี้ยน จั๋ง เจ่อ ปี้ เซี่ย, เจี้ยน อิ้ว เจ่อ, อี้ ซวี อวี่ จือ ฮั่น โส่ว เหวย หลี่)
ขณะนั่งรถ เราซึ่งเป็นผู้น้อย (อายุน้อยกว่า) หากพบเจออาวุโสอายุมากกว่าเรา เราควรลงจากรถทักทายผู้ใหญ่ก่อน เพื่อเป็นการแสดงจริยะ หากเจอผู้อ่อนเยาว์กว่า ควรพยักหน้าให้เกียรติเป็นจริยะต่อเขา
6.   夜必歸家,因事不能歸時,必先告家人。
(เยี่ย ปู้ กุย เจีย, อิน ซื่อ ปู้ เหนิง กุย สือ, ปี้ เซียน ก้าว เจีย เหยิน)
ยามค่ำคืนควรกลับบ้าน หากมีกิจธุระ ไม่อาจควรแจ้งให้คนที่บ้านทราบก่อน
7.   車馬繁雜衝區,不招呼敬禮。
(เชอ หม่า ฝาน จ๋า ชง ชวี, ปู้ เจา ฮู จิ้ง หลี่)
อยู่บนรถม้าสวนทางกันในสถานที่แออัด ไม่ต้องทักทายแสดงความเคารพ
8.   不立在路上久談。
(ปู๋ ลี่ ไจ้ ลู่ ซั่ง จิ่ว ถัน)
ไม่ยืนคุยกันกลางถนนกันเนิ่นนาน (หมายเหตุ ตามประตูทางเข้า ตามบันไดขึ้นลง)
9.   不走馬路中間,越路須先向左右看清,不可與汽車爭路。
(ปู้ โจ่ว หม่า ลู่ จง เจียน, เอวี้ย ลู่ ซวี เซียน เซี่ยง จั่ว อิ้ว คั่น ชิง, ปู้ เข่อ อวี่ ชี่ เช่อ เจิง ลู่)
ไม่เดินกลางถนน ข้ามทางต้องมองซ้ายขวาให้ชัดเจน อย่าได้แย่งเส้นทางกับรถที่วิ่งไปมา
10.   行走時,步履宜穩重,並宜開胸閉口,目向前視。
(สิง โจ่ว สือ, ปู้ หลวี่ อี่ เหวิ่น จ้ง, ปิ้ง อี๋ ไค ซยง ปี้ โข่ว, มู่ เซี่ยง เฉียน ซื่อ)
ขณะเดินเหิน จังหวะย่างก้าวควรมั่นคงสุขุมคัมภีร์ภาพ งามสง่าผึ่งผาย ไม่พูดคุย ตามองไปข้างหน้า
11.遇婦女老弱,應儘先讓路讓座。
(อวี้ ฟู่ หนวี่ เหล่า ลั่ว , อิง จิ่น เซียน ลั่ง ลู่ ลั่ง จั้ว)
พบสตรี คนชรา ควรสละทางให้ไปก่อน หรือเสียสละที่นั่งให้แก่เขา
12.途次有人問路,須詳為指示;問路於人,須隨即稱謝。
(ถู ชื่อ โหย่ว เหยิน เวิ่น ลู่ , ซวี เสียง เว่ย จื่อ ซื่อ , เวิ่น ลู่ อวี๋ เหยิน , ซวี สุย จี๋ เชิง เซี่ย)
ยามมีคนถามทาง ควรชี้ทางบอกรายละเอียดให้ชัดเจน ผู้ถามทางควรกล่าวคำขอบคุณ
13.在舟車上或飛機上,不探首或伸手出窗,並不得隨地涕痰。
(ไจ้ โจว เชอ ซั่ง ฮั่ว เฟย จี ซั่ง , ปู๋ ทั่น โส่ว ฮั่ว เซิน โส่ว ชู ชวง, ปิ้ง ปู้ เต๋อ สุย ตี้ ที่ ถัน)
ขณะอยู่บนเรือ รถ เครื่องบิน ไม่ควรยื่นแขนขาออกนอกหน้าต่าง ไม่ควรถ่มน้ำลายลงบนพื้น

會客 (ฮุ่ย เค่อ) การต้อนรับแขก
1.   見先致敬,熟客道寒暄,生客請姓字、住址。
(เจี้ยน เซียน จื้อ จิ้ง , โสว เค่อ เต้า หัน เซวียน , เซิง เค่อ ฉิ่ง ซิ่ง จื้อ , จู้ จื่อ)
หากเราพบเห็นแขกก่อน ควรให้ความเคารพสูงสูด แขกที่มาพบบ่อยหรือรู้จักมักคุ้นกัน ควรทักทายปราศรัยอย่างเป็นกันเอง แขกแปลกหน้าเพิ่งรู้จักกัน ควรขอที่อยู่ ชื่อนามสกุลกันไว้ (เพื่อว่าเจอกันครั้งหน้าจะได้ไม่ลืม)
2.   及門先趨,為客啟闔。
(จี๋ เหมิน เซียน ชวี, เว่ย เค่อ ฉี่ เหอ)
เปิดประตูให้แขกก่อน และปิดประตูให้แขกก่อน
(หมายเหตุ) ในสมัยก่อน ประตูบ้านมีสองประตู ประตูชั้นนอก กับประตูชั้นใน เมื่อเดินไปสู่ประตู ชั้นนอก ควรให้เกียรติแขกเดินเข้าไปก่อน พอไปถึงประตู้ชั้นใน เจ้าของบ้านต้องรีบเดินนำหน้าเพื่อไปเปิดประตูให้แขก เมื่อแขกเข้าไปข้างในแล้ว เจ้าของบ้านทำหน้าที่ปิดประตู
3.   出門必讓客先行。
(ชู เหมิน ปี้ ลั่ง เค่อ เซียน สิง)
ยามออกจากบ้าน ให้เกียรติแขกเดินนำหน้าออกไปก่อน
4.   入門必為客安座。
(ยู่ เหมิน ปี้ เว่ย เค่อ อัน จั้ว)
เข้าสู่ภายในบ้าน ควรเชิญแขกนั่งเสียก่อน (แนะนำที่นั่งให้แขก ว่าควรนั่งตรงไหน)
5.   室內有他客,應與介紹,先介幼於長、介卑於尊、介近於遠,同倫則介前於後。
(ซื่อ เน่ย โหย่ว ทา เค่อ, อิง อวี่ เจี้ย เซ่า, เซียน เจี้ย อิ้ว อวี๋ จั่ง, เจี้ย เปย อวี๋ จุน, เจี้ย จิ้น อวี๋ เอวี่ยน ถง หลุน เจ๋อ เจี้ย เฉียน อวี่ โฮ่ว)
หากในห้องมีแขกท่านอื่นอยู่ก่อนแล้ว ควรแนะนำให้แขกได้รู้จักกัน ตามด้วยแนะนำผู้เยาว์กว่าให้ผู้ใหญ่รู้จักก่อน อีกทั้งแนะนำผู้ที่มีตำแหน่งเล็กกว่า ให้ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าได้รู้จักก่อน รวมไปถึงแนะนำผู้ที่อยู่ใกล้ให้ผู้ที่อยู่ไกลกว่ารู้จักก่อน
6.   敬茶果,先長後幼、先生後熟。
(จิ้ง ฉา กั่ว , เซียน จ่าง โฮ่ว อิ้ว , เซียน เซิง โฮ่ว โสว)
เสิร์ฟน้ำชา เสิร์ฟผลไม้ ควรเสิร์ฟให้ผู้ใหญ่ก่อน แล้วจึงเสิร์ฟให้ผู้เยาว์กว่า หรือเสิร์ฟให้แขกใหม่ก่อนแขกที่มักคุ้นกัน
7.   主人必下座,舉杯讓茶。
(จู่ เหยิน ปี้ เซี่ย จั้ว, จวี่ เปย ยั่ง ฉา)
เจ้าของบ้านควรนั่งลง แล้วยกแก้วเรียนเชิญแขกร่วมดื่มน้ำชา
8.   客去必送致敬,遠方客必送至村外或路口。
(เค่อ ชวี่ ปี้ ซ่ง จื้อ จิ้ง , เอวี่ยน ฟาง เค่อ ปี้ ซ่ง จื้อ ชุน ไว่ ฮั่ว ลู่ โข่ว)
แขกลากลับ ควรออกไปส่งด้วยความเคารพ หากแขกที่มาจากแดนไกล ต้องออกไปส่งถึงนอกเขตหมู่บ้าน หรือไปส่งถึงปากถนน
9.   遠方客專來,須備飲食寢室,導廁所、導沐浴。
(เอวี่ยน ฟาง เค่อ จวน ไหล , ซวี อิ่น สือ ฉิ่น ซื่อ , เต่า เช่อ สั่ว , เต่า มู่ อวี้)
การต้อนรับแขกที่มาจากแดนไกล ควรตระเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ไว้ในห้องนอน นำพาไปแนะนำห้องสุขาและห้องอาบน้ำ
10.   遠方客去,必送至驛站,望車開遠始返。
(เอวี่ยน ฟัง เค่อ ชวี่ , ปี้ ซ่ง จื้อ อี้ จั้น , วั่ง เชอ ไค เอวี่ยน สื่อ ฝั่น)
ยามแขกมาจากแดนไกลจะเดินทางกลับ ควรออกไปส่งถึงที่จอดรถ และยืนรอส่งจนกระทั่งรถลับตาไป จึงค่อยหันหลังกลับ

對眾 (ตุ้ย จ้ง) การปฏิบัติต่อผู้คนทั้งหลาย
1.   他人正談話,不在中間插言。
(ทา เหยิน เจิ้ง ถัน ฮว่า, ปู้ ไจ้ จง เจียน ชา เหยียน)
ขณะที่ผู้อื่นสนทนากัน อย่าได้พูดสอดแทรกกลางคัน
2.   兩人對談,不向中間穿走。
(เหลี่ยง เหยิน ตุ้ย ถัน , ปู๋ เซี่ยง จง เจียน ชวน โจ่ว)
คนสองคนสนทนากัน อย่าได้เดินแทรกผ่านกลางวงสนทนา
3.   不高聲喧嘩擾亂他人視聽。
(ปู้ เกา เซิง เซวียน ฮว๋า เหล่า ล่วน ทา เหยิน ซื่อ ทิง)
อย่าได้ส่งเสียงดังอึกทึก จนผู้อื่นได้ฟังได้เห็น
4.   不橫坐、不橫腿、不捫腳。
(ปู้ เหิง จั้ว, ปู้ เหิง ถุ่ย, ปู้ เหมิน เจี่ยว)
ไม่นั่งกึ่งนอน ไม่นั่งเหยียดขา (ขวางทางคนอื่น) ไม่นั่งจับเท้า หรือเกาขาขณะนั่งอยู่
(หมายเหตุ) 不橫坐ปู้ เหิงจั้ว ไม่นั่งกึ่งนอน เช่นนั่งเอนตัวนอนบนเก้า ขาพาดบนพนักพิงเก้าอี้ หากเรานั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้ นอกจากไม่มีจริยะแล้ว ยังทำให้คนอื่นไม่มีที่นั่ง เป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น)
(หมายเหตุ) 不橫腿 ปู้เหิงทุ่ย หมายถึง ไม่นั่งยื่นขาเหยียดตรง อย่างเช่นหากเรานั่งอยู่บริเวณประตู หากเหยียดขาตรงขวางทางคนอื่น หรือนั่งยื่นขาข้างหนึ่งเหยียดตรง ข้างหนึ่งไขว่ห้าง คนที่มีมารยาทหน่อยก็จะบอกว่า ขอโทษขอทางหน่อย ถ้าคนไม่มีมารยาทเขาก็จะก้าวข้ามคุณไป
(หมายเหตุ) 不捫腳ปู้เหมินเจี่ยว ไม่นั่งจับเท้าหรือคลำขา หากเรานั่งไป เกาเท้าไป จะเป็นการเสียมารยาท คนอื่นจะจับมือกับเราก็ไม่กล้าจับ เสริฟน้ำเสริฟอาหารให้ ผู้อื่นเขาก็ไม่กล้ารับ เพราะมือของเราอาจจะสกปรก
5.   不隔席談話。(ปู้ เก๋อ สี ถัน ฮว่า) ไม่ตะโกนข้ามโต๊ะพูดคุยกัน
(หมายเหตุ) ปกติมารยาทระหว่างรับประทานอาหารไม่ควรพูดคุยกัน ถ้านั่งอยู่โต๊ะเดียวกันแล้วพูดคุยกัน บางทีน้ำลายของเราก็อาจจะกระเด็นตกใส่อาหาร ส่วนการพูดคุยข้ามโต๊ะนั้นเป็นการสร้างความวุ่นวาย รบกวนผู้อื่น

6.   坐不掀起椅凳之後方。
(จั้ว ปู้ เซียน ฉี่ อี่ เติ้ง จือ โฮ่ว ฟาง)
เวลานั่งไม่ยกขาเก้าอี้โยกตัวไปมา จนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
(เวลานั่งหากโยกตัวไปมา ยกขาเก้าอี้ขึ้น ถ้าคนที่เดินผ่านไม่ระวังเดินมาชนเข้า เก้าอี้จะล้มทันที ทำให้คนอื่นไม่พอใจได้)
7.   衣帽不加於他人之衣帽上。
(อี เม่า ปู้ เจีย อวี๋ ทา เหยิน จือ อี เม่า ซั่ง)
ไม่ควรแขวนเสื้อและหมวกทับซ้อนเสื้อและหมวกของผู้อื่น
8.   不向人噴水吐痰。
(ปู๋ เซี่ยง เหยิน เพิน สุ่ย ถู่ ถัน)
ไม่พ่นหรือถ่มน้ำลายตกใส่ผู้อื่น
9.   不向人呵欠、舒伸、噴嚏。
(ปู๋ เซี่ยง เหวิน ฮอ เชี่ยน, ซู เซิน, เพิน ที่)
ไม่อ้าปากหงาวใส่ผู้คน ไม่เหยียดแขนขา ไม่จามใส่คนอื่น
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
55  แหล่งความรู้ประดับปัญญา / ถาม-ตอบ วิถีอนุตตรธรรม / 朱用純 家训 “คำสอนครอบครัวของท่านจูย่งฉุน” เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 02:45:46 PM
朱用純 家训
   “คำสอนครอบครัวของท่านจูย่งฉุน”


   「原文」   黎明即起,灑掃庭除,要內外整潔;既昏便息,關鎖門戶,必親自檢點。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (หลี หมิง จี๋ ฉี่, ลี่ ส่าว ถิง ฉู, เย่า เน่ย ไว่ เจิ่ง เจี๋ย, จี้ ฮุน เปี้ยน สี, กวน สั่ว เหมิน ฮู่, ปี้ ชิน จื้อ เจี๋ยน เตี่ยน)
        (เนื้อหาเดิม)   รุ่งอรุณตื่นแต่เช้า รดน้ำสวน กวาดลานบ้าน ให้สะอาดภายนอกภายใน
           ยามพลบค่ำจึงพักผ่อน ประตูลงกลอน ตรวจตราถ้วนถี่ด้วยตัวเอง

   「原文」   一粥一飯,當思來處不易;半絲半縷,恒念物力維艱。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (อี้ โจว อี๋ ฟั่น, ตัง ซือ ไหล ชู่ ปู๋ อี้, ปั้น ซือ ปั้น หลวี่, เหิน เนี่ยน อู้ ลี่ เหวย เจียน)
   (เนื้อหาเดิม)   ข้าวต้ม ๑ ถ้วย ข้าวสวย ๑ ชาม คะนึงถึงที่มา มิได้โดยง่าย แม้เศษไหมหรือเศษด้าย ตรองอย่างรอบคอบ ใช่แรกมาง่าย

   「原文」   宜未雨而綢繆,毋臨渴而掘井。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (อี๋ เว่ย อวี่ เอ๋อร์ โฉว โหมว , อู๋ หลิน เข่อ เอ๋อร์ เจวี๋ย จิ่ง)
   (เนื้อหาเดิม)   ก่อนฝนจะตก เตรียมพร้อมเสร็จ รองน้ำไว้ อย่ารอจนกระหายแล้วจึงค่อยขุดบ่อน้ำ


   「原文」   自奉必須儉約,宴客切勿留連。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (จื้อ เฟิ่ง ปี้ ซวี เจี่ยน เอวีย , เยี่ยน เค่อ เชี่ย อู้ หลิว เหลียน)
   (เนื้อหาเดิม)   ตนใช้สอยต้องประหยัด ร่วมงานเลี้ยงอย่าติดลมหมาย

   「原文」   器具質而潔,瓦缶勝金玉;飲食約而精,園蔬愈珍饈。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ชี่ จวี้ จื๋อ เอ๋อร์ เจี๋ย, ว๋า โฝ่ว เซิ่ง จิน อวี้, อิ่น สือ เอวีย เอ๋อร์ จิง, เอวี๋ยน ซู อวี้ เจิน ซิว)
   (เนื้อหาเดิม)   เครื่องใช้ไม้สอยสะอาดเรียบง่าย แค่เครื่องดินเผายังเหนือกว่าหยกทอง
          ดื่มกินอาหารประหยัดเรียบง่าย แต่มีคุณค่า ผักในสวนครัวเลิศรสกว่า   อาหารหรูราคาแพง

   「原文」   勿營華屋,勿謀良田。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (อู้ อิ๋ง ฮว๋า อู, อู้ โหมว เหลียง เถียน)
   (เนื้อหาเดิม)   ไม่สรรค์สร้างอันคฤหาสน์หรูหรา ไม่โลภกว้านซื้อที่นาดีๆ

   「原文」   三姑六婆,實淫盜之媒;婢美妾嬌,非閨房之福。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ซัน กู ลิ่ว ผอ, สือ อิ๋น เต้า จือ เหมย, ปี้ เหม่ย เชี่ย เจียว, เฟย กุย ฝาง จือ ฝู)
   (เนื้อหาเดิม)   ไม่จับกลุ่มคุยไร้สาระ เป็นสื่อชักนำตัณหาชู้สาว สาวใช้น่ารัก เมียน้อยแสนสวย หาใช่ความผาสุกของครอบครัว

   「原文」   童僕勿用俊美,妻妾切忌豔妝。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ถง ผู อู้ ย่ง จวิ้น เหม่ย, ชี เชี่ย เชีย จี้ เยี่ยน จวง)
   (เนื้อหาเดิม)   คนรับใช้อย่าได้เลือกดูดีเพียงอย่างเดียว อีกภรรยาอย่าได้ปล่อยแต่งเลิศหรูจนเกินงาม

   「原文」   祖宗雖遠,祭祀不可不誠;子孫雖愚,經書不可不讀。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (จู่ จง ซุย เอวี่ยน, จี้ ซื่อ ปู้ เข่อ ปู้ เฉิง, จื่อ ซุน ซุย อวี๋, จิง ซู ปู้ เข่อ ปู้ ตู๋)
   (เนื้อหาเดิม)   บรรพชนแม้ล่วงลับ ควรเซ่นไหว้ด้วยศรัทธาจริงใจ ลูกหลานแม้ไม่ฉลาดให้เล่าเรียนใฝ่ศึกษา


   「原文」   居身務期儉樸,教子要有義方。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (จวี เซิน อู้ ฉี เจี่ยน ผู, เจี้ยว จื่อ เย่า โหย่ว อี้ ฟาง)
   (เนื้อหาเดิม)   ดำรงชีพต้องเรียบง่ายและประหยัด สั่งสอนบุตรอาศัยหลักเหตุและผล

   「原文」   莫貪意外之財,莫飲過量之酒。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ม่อ ทัน อี้ ไว่ จือ ไฉ, ม่อ อิ่น กั้ว เลี่ยง จือ จิ่ว)
   (เนื้อหาเดิม)   ไม่โลภอยากในทรัพย์สินโดยมิชอบ ไม่ดื่มสุรามากจนเกินควร
   「原文」   與肩挑貿易,毋佔便宜;見窮苦親鄰,須加溫恤。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (อวี่ เจียน เทียว เม่า อี้, อู๋ จั้น เผียน อี๋, เจี้ยน ฉยง ขู่ ชิน หลิน, ซวี เจีย เวิน ซวี่)
   (เนื้อหาเดิม)   ต่อการค้าการคนหาบเร่ อย่ามุ่งแต่เอารัดเอาเปรียบ พบญาติมิตรและเพื่อนบ้านตกทุกข์ยาก ควรเห็นใจช่วยเหลือเขาด้วยความอบอุ่น

   「原文」   刻薄成家,理無久享;倫常乖舛,立見消亡。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เค่อ ป๋อ เฉิง เจีย, หลี่ อู๋ จิ่ว เสียง, หลุน ฉาง ไกว ฉ่วน, ลี่ เจี้ยน เซียว หวัง)
   (เนื้อหาเดิม)   บ้านที่ใจจืดใจดำ มิอาจอยู่ดีมีสุขได้เนิ่นนาน หากผิดหลักคุณสัมพันธ์  จะนำพาวิบัติทันตาเห็น
   「原文」   兄弟叔侄,須分多潤寡;長幼內外,宜法肅辭嚴。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ซยง ตี้ สู จื๋อ, ซวี เฟิน ตัว ยุ่น กว่า, จั่ง อิ้ว เน่ย ไว่, อี๋ ฝ่า ซู่ ฉือ)
   (เนื้อหาเดิม)   ระหว่างพี่กับน้อง อากับหลาน ผู้ที่มีฐานะดีกว่าควรจุนเจือผู้ที่มีฐานะด้อยกว่า ต่างเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ควรเคร่งครัดในระเบียบ    สำรวมวาจาและอิริยาบถ
   「原文」   聽婦言,乖骨肉,豈是丈夫?重資財,薄父母,不成人子。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ทิง ฟู่ เหยียน, ไกว กู่ โย่ว, ฉี่ ซื่อ จั้ง ฟู, จ้ง จือ ฉาย, ป๋อ ฟู่ หมู่, ปู้ เฉิง เหยิน จื่อ)
   (เนื้อหาเดิม)   เชื่อฟังแต่ภรรยา ทำร้ายสายสัมพันธ์พี่น้อง ไฉนเลยจะสมกับเป็นชายชาตรี?
        มุ่งสมบัติเป็นสำคัญ ละเลยปรนนิบัติพ่อแม่ หาใช่คู่ควรความเป็นบุตรหรือ


   「原文」   嫁女擇家婿,毋索重聘;娶媳求淑女,勿計厚奩。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เจี้ย หนวี่ เจ๋อ เจีย ซวี่, อู๋ สั่ว จ้ง พิ่น, ฉวี่ สี ฉิว สู หนวี่, อู้ จี้ โฮ่ว เหลียน)
   (เนื้อหาเดิม)   แต่งลูกสาวเฟ้นเขยดี อย่าได้เห็นแต่สินสอด แต่งสะใภ้หาสตรีมีคุณธรรม   ไม่ใส่ใจในสินสอดทองมั่นเดิมของเจ้าสาว
   「原文」   見富貴而生諂容者,最可恥;遇貧窮而作驕態者,賤莫甚。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เจี้ยน ฟู่ กุ้ย เอ๋อร์ เซิง ฉั่น หยง เจ่อะ, จุ้ย เขอ ฉื่อ, อวี้ ผิน ฉยง เอ๋อร์ จั้ว เจียว ไท่ เจ่อ, เจี้ยน ม่อ เสิน)
   (เนื้อหาเดิม)   เจอคนร่ำรวยสูงศักดิ์เข้าประจบสอพลอ ช่างน่าละอายเป็นที่สุด พบคนอนาถา   ทำทีโอหังเชิดหน้าใส่ ชังต่ำต้อยมากยิ่งนัก
   「原文」   居家戒爭訟,訟則終凶;處世戒多言,言多必失。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (จวี เจีย เจี้ย เจิง ซ่ง, ซ่ง เจ๋อ จง ซยง, ฉู่ ซื่อ เจี้ย ตัว เหยียน, เหยียน ตัว ปี้ ซือ)
   (เนื้อหาเดิม)   ร่วมชายคาเดียวกันมิควรต่อสู้เกิดคดีความ ฟ้องร้องกันท้ายสุดท้ายต่างหายนะ
         เวลาออกสังคมพึงสำรวมในคำพูด หากมากความจะเสียหาย

   「原文」   勿恃勢力而凌逼孤寡,勿貪口腹而恣殺牲禽。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (อู้ ซื่อ ซื่อ ลี่ เอ๋อร์ หลิง ปี กู กว่า, อู้ ทัน โข่ว ฟู่ เอ๋อร์ จื้อ ซา เซิง ฉิน)
   (เนื้อหาเดิม)   อย่าได้ใช้อำนาจข่มเหงรังแกเด็กกำพร้าและหญิงหม้าย อย่าได้โลภเพื่อลาภปาก เอาชีวิตสัตว์ตามใจตน

   「原文」   乖僻自是,悔誤必多;頹隳自甘,家道難成。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ไกว พี่ จื้อ ซื่อ, หุ่ย อู้ ปี้ ตัว, ถุย ฮุย จื้อ กัน, เจีย เต้า หนัน เฉิง)
   (เนื้อหาเดิม)   อุปนิสัยอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย ก่อข้อพลาดเสียใจภายหลัง ตนเองผิดเอง     ย่อมทำลายตนให้ตกต่ำ ยากสรร-สร้างครอบครัวการงานสำเร็จหมายได้

   「原文」   狎暱惡少,久必受其累;屈志老成,急則可相依。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เสีย นี่ เอ้อ ซ่าว, จิ่ว ปี้ โซ่ว ฉี เล่ย, ชวี จื้อ เหล่า เฉิง, จี๋ เจ๋อ เข่อ เซียง อี)
   (เนื้อหาเดิม)   คบหาเด็กเกเร นานวันพลอยเดือดร้อนร่วมไปด้วย ควรใกล้ชิดผู้ทรงธรรม มากประสบการณ์ ยามคับขันย่อมพึ่งพาอาศัยได้

   「原文」   輕聽發言,安知非人之譖愬?當忍耐三思;因事相
      爭,焉知非我之不是?須平心暗想。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ชิง ทิง ฟา เหยียน, อัน จือ เฟย เหยิน จือ เจิ้น ซู่, ตัง เหยิ่น ไน่ ซัน ซือ, อิน ซื่อ เซี่ยง เจิง, เยียน จือ เฟย หว่อ จือ ปู๋ ซื่อ, ซวี ผิง ซิน อั้น เสี่ยง)
   (เนื้อหาเดิม)   ในเรื่องที่รับฟังมา หารู้ได้ว่าเป็นคำพูดใส่ร้ายใส่ความเขา ฉะนั้นควรขันติคิดใคร่ควรให้รอบคอบ อาจเป็นได้มีเรื่องราวกันมาก่อน จะรู้ไงใช่ความผิดของตน? ดังนั้นจึงควรสงบจิตลงไตร่ตรองให้จงดี


   「原文」   施惠無念,受恩莫忘。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ซือ ฮุ่ย อู๋ เนี่ยน, โซ่ว เอิน ม่อ วั่ง)
   (เนื้อหาเดิม)   ทำคุณจิตอย่าติดยึด รับพระคุณอย่าได้ลืมเลือน
   「原文」   凡事當留餘地,得意不宜再往。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ฝาน ซื่อ ตัง หลิว อวี๋ ตี้, เต๋อ อี้ ปู้ อี๋ ไจ้ หวั่ง)
   (เนื้อหาเดิม)   ทุกเรื่องราวเผื่อทางไว้ สมปรารถนารู้พอเพียงไม่แสวงหา
   「原文」   人有喜慶,不可生妒嫉心;人有禍患,不可生喜幸心。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เหยิน โหย่ว สี่ ชิ่ง, ปู้ เข่อ เซิง จี้ ตู้ ซิน, เหยิน โหย่ว ฮั่ว ฮ่วน, ปู้ เข่อ เซิง สี่ ซิ่ง ซิน)
   (เนื้อหาเดิม)   เขาฉลองยินดีปรีดา อย่าได้เกิดจิตริษยา ผู้อื่นประสบเคราะห์ภัย อย่าได้เกิดจิตสาแก่ใจ
   「原文」   善欲人見,不是真善;惡恐人知,便是大惡。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ซั่น อวี้ เหยิน เจี้ยน, ปู๋ ซื่อ เจิน ซั่น, เอ้อ ข่ง เหยิน จือ, เปี้ยน ซื่อ ต้า เอ้อ)
   (เนื้อหาเดิม)   ความดีที่อยากให้ผู้อื่นเห็น มิใช่ความดีที่จริงแท้ ทำความชั่วอันกลัวคนอื่นรู้นั่นแลชั่วมหันต์

   「原文」   見色而起淫心,報在妻女;匿怨而用暗箭,禍延子孫。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เจี้ยน เซ่อ เอ๋อร์ ฉี่ อิ๋น ซิน, เป้า ไจ้ ชี หนวี่, นี่ เอวี้ยน เอ๋อร์ ย่ง อั้น เจี้ยน, ฮั่ว เหยียน จื่อ ซุน)
   (เนื้อหาเดิม)   พบนารีเกิดจิตราคะ ผลการกระทำนี้ส่งถึงภรรยาและบุตรีเฉกเช่นเดียวกัน  เกิดบันดาลโทสะความแค้นวางกลอุบายลอบทำร้าย จนเกิดเคราะห์ภัยตกถึงลูกหลานตน
   「原文」   家門和順,雖饔飧不繼,亦有餘歡;國課早完,即囊橐無餘,自得至樂。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (เจีย เหมิน เหอ ซุ่น, ซุย ยง ซุน ปู๋ จี้, อี้ โหย่ว อวี๋ ฮวน, กวั๋อ เค่อ เจ่า หวัน, จี๋ หนัง ถัว อู๋ อวี๋, จื้อ เต๋อ จื้อ เล่อ)
   (เนื้อหาเดิม)   ครอบครัวที่สมานฉันท์ แม้ยากจนแต่ก็มีสุข จ่ายหนี้จ่ายสิ้นภาษีหลวงแต่เนิ่น แม้เกลี้ยงกระเป๋า ย่อมสบายใจสุขสราษ
   「原文」   讀書志在聖賢,非徒科第;為官心存君國,豈計身家。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (ตู๋ ซู จื้อ ไจ้ เซิ่ง เสียน, เฟย ถู เคอ ตี้, เหวย กวน ซิน ฉุน จวิน กวั๋อ, ฉี่ จี้ เซิน เจีย)
   (เนื้อหาเดิม)   ศึกษาตำราควรมุ่งมั่นเจริญตามรอยอริยะปราชญ์ มิใช่หวังเพียงแต่ได้ตำแหน่งแห่งขุนนาง ผู้เป็นขุนนางใจต้องภักดีต่อกษัตริย์ คำนึงถึงบ้านเมือง ไหนเลยจะคิดวางแผนเพียงเพื่อครอบครัวตน


   「原文」   守分安命,順時聽天,為人若此,庶乎近焉。
   (เอวี๋ยน เหวิน)   (โส่ว เฟิ่น อัน มิ่ง, ซุ่น สือ ทิง เทียน, เหวย เหยิน ยั่ว ฉื่อ, สู ฮู จิ้น เยียน)
   (เนื้อหาเดิม)   ประคองรักษาบทบาทหน้าที่อันพึงปฏิบัติ รู้พอใจในชีวิตตน คล้อยตามกาล   และเจตนาฟ้า หากทำได้เช่นนี้ ก็ใกล้เคียงหลักการดำรงตนแห่งอริยะปราชญ์
        หมายเหตุ : ปราชญ์จูจื่อ (朱用純 (จู ย่ง ฉุน)) ท่านเป็นลูกศิษย์ของบรมครูขงจื่อ มีนามรองว่า ป๋อหลู อยู่ในช่วง ค.ศ. 1130 - 1200
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
56  แหล่งความรู้ประดับปัญญา / ถาม-ตอบ วิถีอนุตตรธรรม / 佛堂規則二十五條 “พุทธระเบียบ ๒๕ ข้อในพุทธสถาน” เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 02:39:20 PM
佛堂規則二十五條
   (ฝอ ถัง กุย เจ๋อ เอ้อ สือ อู่ เถียว)
   “พุทธระเบียบ ๒๕ ข้อในพุทธสถาน”
   (กำหนดโดยพระอาจารย์จี้กง)
   

1.   入壇整衣 (ยู่ ถัน เจิ่ง อี) เข้าสู่พุทธสถาน แต่งกายให้เรียบร้อย
《入壇整衣》:穿著宜整齊樸素,衣服必須有領有袖。進入佛堂應穿襪子,物穿短褲、無袖上衣、釦子要扣齊(以道場制服爲主)。
((ยู่ ถัน เจิ่ง อี) ชวน เจ่อ อี๋ เจิ่ง ฉี ผู่ ซู่, อี ฝู ปี้ ซวี โหยว หลิ่ง โหย่ว ซิ่ว, จิ้น ยู่ ฝอ ถัง อิง ชวน ฮว่า จื่อ, อู้ ชวน ต่วน คู่, อู๋ ซิ่ว ซั่ง อี, โค่ว จื่อ เย่า โค่ว ฉี (อี่ เต้า ฉ่าง จื้อ ฝู เหวย จู่))
“การเข้ามาพุทธสถาน” ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย (ไม่สีสันระรานตา) ใส่เสื้อมีคอปก มีแขน เข้ามาในห้องพระควรใส่ถุงน่อง ไม่ควรใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุด (เสื้อไม่มีแขน) กระดุมเสื้อติดให้เรียบร้อย (ยึดตามแบบฉบับชุดปั้นซื่อ หรือแบบฟอร์มในอาณาจักรธรรมเป็นหลัก)

2.   來參去辭 (ไหล ชัน ชวี่ ฉือ) ไปลามาไหว้
《來參去辭》:佛堂乃莊嚴之道場,老中渡世之法航,清靜神聖的地方,隨時有仙佛護持,故進佛堂要保持誠敬之心,禮靜諸佛,向老中參駕,離開要辭駕,如出告反面。
((ไหล ชัน ชวี่ ฉือ) ฝอ ถัง ไหน่ จวง เหยียน จือ เต้า ฉ่าง, เหลา หมู่ ตู้ ซื่อ จือ ฝ่า หัง, ชิง จิ้ง เสิน เซิ่ง เตอะ ตี้ ฟัง, สุย สือ โหย่ว เซียน ฝอ ฮู่ ฉือ, กู้ จิ้น ฝอ ถัง เย่า เป่า ฉือ เฉิง จิ้ง จือ ซิน, หลี่ จิ้ง จู ฝอ, เซี่ยง เหลา หมู่ ชัน เจี้ย, หลี ไค เย่า ฉือ เจี้ย หยู ชู เก้า ฝั่น เมี่ยน)
พุทธสถานคืออาณาจักรธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์สง่างาม เป็นนาวาธรรมของ พระอนุตตรธรรมมารดา ที่ใช้เพื่อการปกโปรดกอบกู้ฉุดช่วยโลก เป็นสถานที่บริสุทธิ์ มีเซียนพุทธะคอยพิทักษ์คุ้มครองตลอดเวลา ดังนั้นมาสถานธรรมต้องประคองรักษาจิตเคารพศรัทธาจริงใจ แสดงจริยะด้วยความเคารพเซียนพุทธะ เมื่อมาถึงให้กราบพระบาทพระอนุตตรธรรมมารดา เวลาจะจากไปให้กราบลาพระบาท เช่นเดียวกันกับการไปลามาไหว้

3.   先乾後坤 (เซียน เฉียน โฮ่ว คุน) ชายก่อน-หญิงทีหลัง
《先乾後坤》:如乾坤同時進佛堂,以乾道先參駕,坤道再參駕。(如有坤道前輩,則以坤道先行)
((เซียน เฉียน โฮ่ว คุน) หยู เฉียน คุน ถง สือ จิ้น ฝอ ถัง, อี่ เฉียน เต้า เซียน ชัน เจี้ย, คุน เต้า ไจ้ ชัน เจี้ย, (หยู โหย่ว คุน เต้า เฉียน เป้ย, เจ๋อ อี่ คุน เต้า เซียน สิง))
ชายก่อนหญิงทีหลัง หมายถึง เช่นว่าเวลาชายหญิงเข้ามาในห้องพระพร้อมกัน ให้ผู้ชายกราบพระบาท (ชันเจี้ย) ก่อน (กรณีฝ่ายผู้หญิงมีนักธรรมอาวุโสอยู่ ก็ให้ฝ่ายผู้หญิงชันเจี้ยก่อน)

4.   男女分班 (หนัน หนวี่ เฟิน ปัน) ชายหญิงแบ่งแยก
《男女分班》:乾坤參駕後,男左女右分班,無論夫婦或朋友,亦要分班保持肅靜。
((หนัน หนวี่ เฟิน ปัน) เฉียน คุน ชัน เจี้ย โฮ่ว, หนัน จั่ว หนวี่ อิ้ว เฟิน ปัน, อู๋ ลุ่น ฟู ฟู่ ฮั่ว เผิง โหย่ว, อี้ เย่า เฟิน ปัน เป่า ฉือ ซู่ จิ้ง)
เวลาจะชันเจี้ย (กราบรับพระบาท) หรือฉือเจี้ย (กราบลาพระบาท) ผู้ชายจะยืนเข้าแถวฝั่งซ้าย ผู้หญิงจะยืนฝั่งขวา (ซ้ายมือรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์) ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน หรือเป็นเพื่อนกันก็จะต้องแยกกันให้ชัดเจน และรักษาความสงบ

5.   舉步要輕 (จวี่ ปู้ เย่า ชิง) ก้าวเดินไม่ส่งเสียงดัง
《舉步要輕》:在佛堂輸入勿要從容輕步,談話要輕聲,不可任意喧嘩,以顯莊嚴道場禮儀。
((จวี่ ปู้ เย่า ชิง) ไจ้ ฝอ ถัง ซู ยู่ อู้ เย่า ฉง หยง ชิง ปู้, ถัน ฮว่า เย่า ชิง เซิง, ปู้ เข่อ เยิ่น อี้ เซวียน ฮว๋า, อี๋ เสี่ยน จวง เหยียน เต้า ฉ่าง หลี่ อี๋)
เข้าออกสถานธรรม ต้องย่างก้าวเบาๆ พูดคุยเสียงเบา ห้ามมิให้ส่งเสียงดังอึกทึกตามใจชอบ เพื่อให้ปรากฏถึงความศักดิ์สิทธิ์สง่างามของจริยพิธีในสถานธรรม
6.   不准亂躦 (ปู้ จุ่น ล่วน จวน) ไม่สับสนในสายทอง (ไม่สลับสายงานธรรม)
《不准亂躦》上課時,勿隨意走動,以免妨礙鄰座之道親聽課,影響班規及講道者之靈感。
((ปู้ จุ่น ล่วน จวน) ซั่ง เค่อ สือ, อู้ สุย อี้ โจ่ว ต้ง, อี๋ เหมี่ยน ฝั่ง อ้าย หลิน จั้ว จือ เต้า ชิน ทิง เค่อ, อิ๋ง เสี่ยง ปัน กุย จี๋ เจี่ยง เต้า เจ่อ จือ หลิง กั่น)
เวลาเข้าชั้นเรียน อย่าเดินไปเดินมาตามใจชอบ เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อญาติธรรมที่กำลังฟังธรรม ส่งผลกระทบต่อกฏระเบียบของชั้นเรียน และส่งผลกระทบต่อสมาธิในการบรรยาย (หรือการสร้างบรรยากาศของผู้บรรยาย)

7.   出入肅靜 (ชู ยู่ ซู่ จิ้ง) เข้า-ออก รักษาความสงบ
《出入肅靜》:出入佛堂,要保持肅靜,避免妨礙鄰居之安寧,尤其機車要牽離社區再發動,要鄰居有好印象。
((ชู ยู่ ซู่ จิ้ง) ชู ยู่ ฝอ ถัง, เย่า เป่า ฉือ ซู่ จิ้ง, ปี้ เหมี่ยน ฝั่ง อ้าย หลิน จวี จือ อัน หนิง, อิ๋ว ฉี จี เชอ เย่า เชียน หลี เซ่อ ชวี ไจ้ ฟา ต้ง, เย่า หลิน จวี โหย่ว ห่าว อิ้น เซี่ยง)
เข้าออกสถานธรรม ต้องรักษาความสงบ เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนความสงบของเพื่อนบ้าน ต้องเฉพาะรถมอเตอร์ไซด์ ควรเข็นไปในที่ห่างไกลจากแหล่งชมชนและค่อยสตาร์ทเครื่อง ให้บังเกิดความรู้สึกดีๆต่อเพื่อนบ้าน

8.   按規勿亂 (เจีย กุย อู้ ล่วน) ทำตามพุทธรระเบียบ อย่าได้สับสน
《按規勿亂》:天律森嚴,遵照禮節,前後順序,要有規矩,不可自創或任意更改,而破壞佛規禮節。
((เจีย กุย อู้ ล่วน) เทียน ลวี่ เซิน เหยียน, จุน เจ้า หลี่ เจี๋ย, เฉียน โฮ่ว ซุ่น ซวี่, เย่า โหย่ว กุย จวี่, ปู้ เข่อ จื้อ ช่วง ฮั่ว เยิ่น อี้ เกิ้ง ไก่, เย่า พ่อ ไฮว่ ฝอ กุย หลี่ เจี๋ย)
กฏของฟ้าเข้มงวดกวดขัน ต้องดำเนินตามพุทธระเบียบ ทำอะไรมีลำดับก่อนหลัง ต้องมีกรอบบรรทัดฐาน อย่าสร้างกรอบสร้างกฏขึ้นมาเอง และแก้ไขเปลี่ยนแปลงพุทธระเบียบตามใจชอบ และทำลายกฏพุทธะจริยระเบียบ


9.   敬畏精神 (จิ้ง เว่ย จิง เสิน) มีจิตเคารพยำเกรง
《敬畏精神》:對老中及諸天神聖要有敬畏的精神(內誠外敬)與禮儀,以表對道之尊敬。對前賢要有敬畏之心,以感謝成全鼓勵之恩。
((จิ้ง เว่ย จิง เสิน) ตุ้ย เหลา หมู่ จี๋ จู เทียน เสิน เซิ่ง เย่า โหย่ว จิ้ง เว่ย เตอะ จิง เสิน (เน่ย เฉิง ไว่ จิ้ง) อวี่ หลี่ อี๋, อี๋ เปี่ยว ตุ้ย เต้า จือ จุน จิ้ง, ตุ้ย เฉียน เสียน เย่า โหย่ว จิ้ง เว่ย จือ ซิน, อี๋ กั่น เซี่ย เฉิง เฉวียน กู่ ลี่ จือ เอิน)
ควรมีจิตเคารพยำเกรงต่อพระอนุตตรธรรมเจ้า มวลพุทธะโพธิสัตว์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ภายในจิตศรัทธาจริงใจ ภายนอกเคารพ) แสดงออกซึ่งจริยะ เคารพให้เกียรติญาติธรรม มีความเคารพยำเกรงต่อนักธรรมอาวุโส สำนึกขอบพระคุณที่ท่านคอยส่งเสริมและให้กำลังใจ

10.   禁談俗事 (จิ้น ถัน สู ซื่อ) ไม่คุยเรื่องโลกียวิสัย
《禁談俗事》:來到佛堂,以聖事爲重,不論道場及他人是非與長短,應隱惡揚善,多鼓舞互相勉勵。
((จิ้น ถัน สู ซื่อ) ไหล เต้า ฝอ ถัง, อี่ เซิ่ง ซื่อ เหวย จ้ง, ปู๋ ลุ่น เต้า ฉ่าง จี๋ ทา เหยิน ซื่อ เฟย อวี่ ฉาง ต่วน, อิง อิ่น เอ้อ หยาง ซั่น, ตัว กู๋ อู่ ฮู่ เซียง เหมี่ยน ลี่)
มาถึงพุทธสถาน ต้องเห็นความสำคัญของงานธรรมเป็นอันดับหนึ่ง ไม่คุยเรื่องโลกีย์วิสัย ไม่พูดถกวิพากษ์วิจารณ์จุดดีจุดด้อยของอาณาจักรธรรมและผู้อื่น รู้จักปิดบังสิ่งที่ไม่ดี ประกาศคุณความดีของผู้อื่น (หมายถึงไม่เปิดเผย แฉเรื่องราวบ่งพร่องหรือที่ไม่ดีของผู้อื่น รู้จักพูดในสิ่งดีงาม เสริมบารมีซึ่งกันและกัน) หมั่นให้กำลังใจส่งเสริมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

11.   言語要低 (เหยียน อวี่ เย่า ตี) วาจาอ่อนโยนมีมารยาท
《言語要低》:佛堂內談話須輕聲,不可喧嘩亂嚷,以顯佛堂清靜莊嚴。
((เหยียน อวี่ เย่า ตี) ฝอ ถัง เน่ย ถัน ฮว่า ซวี ชิง เซิง, ปู้ เข่อ เซวียน ฮว๋า ล่วน หยั่ง, อี๋ เสี่ยน ฝอ ถัง ชิง จิ้ง จวง เหยี่ยน)
อยู่ในสถานธรรมควรพูดคุยกันเสียงเบาๆ อย่าส่งเสียงดังอึกทึกสร้างความวุ่นวาย เพื่อให้ปรากฏถึงความวิสุทธิ์สงบและศักดิ์สิทธิ์สง่างามของพุทธสถาน

12.   接物待人 (เจีย อู้ ไต้ เหยิน) รู้จักต้อนรับขับสู้
《接物待人》:道親之間以誠相待,謙恭有禮,不管做任何事,以「慈悲」道語相應,才能顯出道氣。
((เจีย อู้ ไต้ เหยิน) เต้า ชิน จือ เจียน อี่ เฉิง เซียง ไต้, เชียน กง โหย่ว หลี่, ปู้ ก่วน จั้ว เยิ่น เหอ ซื่อ, อี่ “ฉือ เปย” เต้า อวี่ เซียง อิ้ง, ไฉ เหนิง เสี่ยน ชู เต้า ชี่)
ระหว่างญาติธรรมด้วยกันปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจศรัทธา เคารพนอบน้อมมี
จริยมารยาทต่อกัน ไม่ว่าทำการใดอาศัยจิตเมตตาเป็นที่ตั้ง ถ้อยทีถ้อยอาศัยพูดคุยกันด้วยเหตุผลด้วยหลักธรรม จึงปรากฏบรรยากาศธรรม

13.   招呼道親 (เจา ฮู เต้า ชิน) ทักทายญาติธรรม
《招呼道親》:應以溫馨關心之行動,送往迎來招呼道親,以表佛堂之溫暖彼此間親切感。
((เจา ฮู เต้า ชิน) อิง อี่ เวิน ซิน กวน ซิน จือ สิง ต้ง, ซ่ง หวั่ง อิ๋ง ไหล เจา ฮู เต้า ชิน, อี๋ เปี่ยว ฝอ ถัง จือ เวิน หน่วน ปี๋ ฉื่อ เจียน ชิน เชี่ย กั่น)
การปฏิบัติต่อญาติธรรม ควรแสดงออกถึงท่าทีอ่อนโยนอุบอุ่นและเอาใจใส่ ต้อนรับขับสู้ทักทายญาติธรรมนั้นจะต้อง ให้ได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองของสถานธรรม และความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างญาติธรรมด้วยกัน

14.   教導禮節 (เจียว เต่า หลี่ เจี๋ย) นำพาสอนพุทธะจริยระเบียบ
《教導禮節》:如有道親禮節未熟悉,要主動教導或陪伴參辭駕,以帶動新道親的參與惑。
((เจี้ยว เต่า หลี่ เจี๋ย) หยู โหย่ว เต้า ชิน หลี่ เจี๋ย เว่ย โสว ซี, เย่า จู่ ต้ง เจี้ยว เต่า, ฮั่ว เผย ปั้น ชัน ฉือ เจี้ย, อี่ ไต้ ต้ง ซิน เต้า ชิน เตอะ ชัน อวี่ ฮั่ว)
หากมีญาติธรรมที่ยังไม่ชำนาญหรือไม่คุ้นเคยจริยะระเบียบ ควรกระตือรืนร้นสอนเขา หรือไม่ก็ชันเจี้ยเป็นเพื่อนนำพาญาติธรรมใหม่ และทำให้ญาติธรรมมีความรู้สึกว่าอยากจะมาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
15.   講解勸化 (เจี่ยง เจี่ย เชวี่ยน ฮว่า) รู้จักอธิบาย และตักเตือนกล่อมเกลา
《講解勸化》:如道親同修對道的真理有未明瞭之處,能加以講解或鼓勵成全,讓大家對道的信心更堅定。
((เจี๋ยง เจี่ย เชวี่ยน ฮว่า) หยู เต้า ชิน ถง ซิว ตุ้ย เต้า เตอะ เจิน หลี่ โหย่ว เว่ย หมิง เหลียว จือ ชู่, เหนิง เจีย อี่ เจี๋ยง เจี่ย ฮั่ว กู่ ลี่ เฉิง เฉวียน, ยั่ง ต้า เจีย ตุ้ย เต้า เตอะ ซิ่น ซิน เกิ้ง เจียน ติ้ง)
หากญาติธรรมและเพื่อนร่วมบำเพ็ญ มีจุดไหนยังกระจ่างไม่เข้าใจในหลักธรรม ควรอธิบาย หรือส่งเสริมให้กำลังใจ เพื่อให้ทุกคนมีความมั่นคงเชื่อมั่นต่อธรรมะมากยิ่งขึ้น

16.   入座端正 (ยู่ จั้ว ตวน เจิ้ง) นั่งตัวตรงสง่างาม
《入座端正》:在上課之時不可蹺腳,以免對仙佛與前賢失禮,更何況學道者應有立如松、坐如鐘之精神,以顯修行者風度。
((ยู่ จั้ว ตวน เจิ้ง) ไจ้ ซั่ง เค่อ จือ สือ ปู้ เข่อ เชี่ยว เจี่ยว, อี๋ เหมี่ยน ตุ้ย เซียน ฝอ อวี่ เฉียน เสียน ซือ หลี่, เกิ้ง เหอ ค่วง เสวีย เต้า เจ่อ อิง โหย่ว ลี่ หยู ซง, จั้ว หยู จง จือ จิง เสิน, อี๋ เสี่ยน ซิว สิง เจ่อ เฟิง ตู้)
ขณะนั่งเข้าชั้นเรียนอย่านั่งไขว่ห้าง เพื่อจะได้ไม่เสียมารยาทต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และนักธรรมอาวุโส ผู้บำเพ็ญธรรมนั้น สมควรมีพลังสมาธิยืนตัวตรงดั่งต้นสน นั่งดั่งระฆัง เพื่อแสดงให้ปรากฏถึงบุคลิกอันดีงามของผู้บำเพ็ญธรรม

17.   低心下氣 (ตี ซิน เซี่ย ชี่) จิตใจอ่อนน้อมถ่อมตน
《低心下氣》:在修道過程有未知或不明之處應虛心求教,不可愩高我慢,目中無人。
((ตี ซิน เซี่ย ชี่, ไจ้ ซิว เต้า กั้ว เฉิง โหย่ว เว่ย จือ ฮั่ว ปู้ หมิง จือ ชู่ อิง ซวี ซิน ฉิว เจี้ยว, ปู้ เข่อ ก้ง เกา หว่อ ม่าน, มู่ จง อู๋ เหยิน)
ในระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญ มีจุดไหนหรืออะไรที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ รู้จักเรียนถาม ขอคำชี้แนะด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ห้ามยะโสอวดดี ไม่เห็นใครในสายตา
18.   上立下起 (ซั่ง ลี่ เซี่ย ฉี่) เมื่อผู้ใหญ่ลุกเรายืน
《上立下起》:與點傳師及前賢談話,應站立以表尊敬,點傳師慈悲有指示再坐下。而與前輩同坐之時,前輩起立,後輩必須隨之起立。
((ซั่ง ลี่ เซี่ย ฉี่) อวี่ เตี่ยน ฉวน ซือ จี๋ เฉียน เสียน ถัน ฮว่า, อิง จั้น ลี่ อี๋ เปี่ยว จุน จิ้ง, เตี่ยน ฉวน ซือ ฉือ เปย โหยว จื่อ ซื่อ ไจ้ จั้ว เซี่ย, เอ๋อร์ อวี่ เฉียน เป้ย ถง จั้ว จือ สือ, เฉียน เป้ย ฉี่ ลี่, โฮ่ว เป้ย ปี้ ซวี สุย จือ ฉี่ ลี่)
ขณะคุยกับเตี่ยนฉวนซือและนักธรรมอาวุโส ควรจะยืนเพื่อแสดงความเคารพให้เกียรติท่าน หากเตี่ยนฉวนซือเมตตาชี้แนะหรืออนุญาติให้นั่งค่อยนั่งลง และเวลานั่งด้วยกันกับนักธรรมอาวุโส หากนักธรรมอาวุโสลุกขึ้น คนที่เป็นผู้น้อยจะต้องลุกขึ้นยืนตาม

19.   起身立正 (ฉี่ เซิน ลี่ เจิ้ง) เวลายืนยืนให้ตัวตรง
《起身立正》:上課中前賢問話或叫名之時,應喊「有」起身回應,挺身立正,不得歪斜,答後恭敬回座。
((ฉี่ เซิน ลี่ เจิ้ง) ซั่ง เค่อ จง เฉียน เสียน เวิ่น ฮว่า ฮั่ว เจี้ยว หมิง จือ สือ, อิง หั่น “โหย่ว” ฉี่ เซิน หุย อิ้ง, ถิ่ง เซิน ลี่ เจิ้ง, ปู้ เต๋อ วาย เสีย, ต๋า โฮ่ว กง จิ้ง หุย จั้ว)
ระหว่างเข้าชั้นเรียน เวลานักธรรมอาวุโสถามหรือเรียกชื่อ ควรตอบรับว่า “ครับ/ค่ะ” พร้อมกับลุกขึ้นตอบ ด้วยการยืนตัวตรง อย่าเอนไปเอนมา หลังตอบเสร็จ ทำความเคารพด้วยนบนอบ แล้วกลับไปนั่งที่เดิม

20.   不准談笑 (ปู้ จุ่น ถัน เซี่ยว) ไม่พูดคุยหัวเราะเสียงดัง
《不准談笑》:上課中不可交談嬉笑擾亂上課,否則有違佛規。
((ปู้ จุ่น ถัน เซี่ยว) ซั่ง เค่อ จง ปู้ เข่อ เจียว ถัน ซี เซี่ยว เหย่า ล่วน ซั่ง เค่อ, โฝ่ว เจ๋อ โหย่ว เหวย ฝอ กุย)
ขณะเข้าชั้นเรียน อย่าพูดคุย หัวเราะต่อกระซิกกัน สร้างความวุ่นวายในชั้นเรียน มิฉะนั้นจะผิดต่อพุทธระเบียบ
21.   聽講禁聲 (ทิง เจี่ยง จิ้น เซิง) ฟังธรรมงดเสียง
《聽講禁聲》:聽講中保持肅靜,有問題筆記錄,休息或下課再發問。
((ทิง เจี่ยง จิ้น เซิง) ทิง เจี่ยง จง เป่า ฉือ ซู่ จิ้ง, โหย่ว เวิ่น ถี ปี่ จี้ ลู่, ซิว สี ฮั่ว เซี่ย เค่อ ไจ้ ฟา เวิ่น)
ระหว่างฟังการบรรยายต้องรักษาความสงบ หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยให้จดบันทึกไว้ ถึงเวลาพักหรือหลังเลิกชั้นเรียน ค่อยเรียนถาม

22.   非問勿言 (เฟย เวิ่น อู้ เหยียน) ฟังธรรมไม่ถาม อย่าพูด
《非問勿言》:上課中前賢沒有提問,請問發言,保持佛堂莊嚴。
((เฟย เวิ่น อู้ เหยียน) ซั่ง เค่อ จง เฉียน เสียน เหมย โหย่ว ถี เวิ่น, ฉิ่ง เวิ่น ฟา เหยียน, เป่า ฉือ ฝอ ถัง จวง เหยียน)
ระหว่างเข้าชั้นเรียนหากนักธรรมอาวุโสไม่ถามอย่าได้พูด รักษาความศักดิ์สิทธิ์ สง่างาม ของพุทธสถาน

23.   有問必答 (โหย่ว เวิ่น ปี้ ต๋า) เมื่อมีถาม ให้ตอบ
《有問必答》:前賢有提問時,請盡力回答,不明之之處請求慈悲指示。
((โหย่ว เวิ่น ปี้ ต๋า) เฉียน เสียน โหย่ว ถี เวิ่น สือ, ฉิ่ง จิ้น ลี่ หุย ต๋า, ปู้ หมิง จือ ชู่ ฉิ่ง ฉิว ฉือ เปย จื่อ ซื่อ)
ขณะนักธรรมอาวุโสถาม ควรพยายามตอบคำถาม จุดใดไม่เข้าใจขอนักธรรมอาวุเมตตาชี้แนะ

24.   不分貧富 (ปู้ เฟิน ผิน ฟู่) ร่ำรวยหรือยากจนไม่แบ่งแยกฐานะ
《不分貧富》:眾生平等,貧富無別,因大家都是老中的原佛子,應同樣以禮相待,互相勉勵成全。
((ปู้ เฟิน ผิน ฟู่) จ้ง เซิง ผิง เติ่ง, ผิน ฟู่ อู๋ เปี๋ย, อิน ต้า เจีย โตว ซื่อ เหลา หมู่ เตอะ เอวี๋ยน ไท ฝอ จื่อ, อิง ถง ยั่ง อี๋ หลี่ เซียง ไต้, ฮู่ เซียง เหมี่ยน ลี่ เฉิง เฉวียน)
เวไนยสัตว์ล้วนเสมอภาค ไม่ได้แตกต่างกันที่ความร่ำรวยสูงศักดิ์หรือยากจนต่ำต้อย เพราะทุกคนล้วนเป็นพุทธบุตรเดิมของพระแม่องค์ธรรม ดังนั้นทุกคนควรปฏิบัติต่อกันอย่างมีจริยะด้วยความเสมอภาค ต่างร่วมส่งเสริมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

25.   一視同仁 (อี๋ ซื่อ ถง เหยิน) มองทุกคนด้วยจิตเมตตาเสมอภาค
《一視同仁》:同是一師之徒,一中之子,佛性平等,應不分彼此。
((อี๋ ซื่อ ถง เหยิน) ถง ซื่อ อี้ ซือ จือ ถู, อิ๊ หมู่ จือ จื่อ, ฝอ ซิ่ง ผิง เติ่ง,อิง ปู้ เฟิน ปี๋ ฉื่อ)
“ถง” หมายถึง “เหมือนกัน” ที่เหมือนกันก็คือ ต่างเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ล้วนต่างเป็นพุทธบุตรแห่งองค์ธรรมมารดาเช่นกัน พุทธจิตธรรมญาณล้วนเสมอภาค จึงไม่สมควรแบ่งแยก
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
57  เสวนาธรรม-พูดคุย / บำเพ็ญธรรมกับการกินเจ / วันพระกินเจ 吃素 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 06:10:48 AM
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
58  ธรรมะเป็นยาวิเศษ / พระพุทธจี้กง / ความสาเร็จมาจากการเคี่ยวกรา (成功來自磨練 成功來自磨練) เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2013, 05:39:41 AM
第一課 成功來自磨練 成功來自磨練
บทที่ ๑ ความสาเร็จมาจากการเคี่ยวกรํา

อ้างถึง
ความสาเร็จของคนๆหนึ่ง ถ้าหากไม่เจอการเคี่ยวกรา ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับตาแหน่งแห่งความสาเร็จ เหมือนกับการปีนบันได ต้องปีนขึ้นไปทีละก้าวๆ เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม แต่ละขั้นของบันได มีสูงบ้าง เตี้ยบ้าง ตัวเองต้องย่าก้าวให้มั่นคง หากเจ้าไม่เตรียมพร้อมจิตใจให้มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ แม้จะปีนขึ้นไปได้แล้ว แต่ก็ไม่มั่นคง ดังนั้น หากเจ้าเกิดความโลภอยากประสบความสาเร็จในทันทีทันใด ต้องการเหนือกว่าคนอื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าต้องรีบปรับจิตใจของเจ้า

ไม่มีเส้นทางบาเพ็ญธรรมของใครที่ราบเรียบเสมอ ย่อมต้องมีอุปสรรคลุ่มดอน และไม่ราบรื่น ระหว่างคนอยู่ร่วมกัน มีบางเวลาที่อาจจะไม่สมใจปรารถนาเสมอไป เพราะจิตใจของพวกเจ้า ความคิดของพวกเจ้า ไม่สามารถปรับให้สมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้นจะต้องปรับตนเองก่อน บาเพ็ญบ่มเพาะตนเองก่อน ไม่ใช่ไปที่ไหนก็เที่ยวไปขอร้องกวดขันคนอื่นให้ร่วมมือกับเจ้า ตัวเจ้าเองต้องบาเพ็ญให้ดีก่อน จึงสามารถส่งผลกระทบที่ดีต่อคนอื่นได้

คนเราจะต้องมีพลังห้าวหาญ แต่อย่าได้เย่อหยิ่งทรนง มีพลังในการไปดาเนินเรื่องราวต่างๆ มีพลังความกล้าหาญในมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่หวั่นกลัวอุปสรรคขวากหนาม ในชีวิตคนเราเรื่องความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ยากหลีกเลี่ยงได้ อย่าได้เป็นเพราะความผิดพลาดล้มเหลวครั้งสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะก้าวมุ่งต่อไปข้างหน้า


ชีวิตคนเราเป็นเพราะมีอุปสรรคไม่ราบรื่น ดังนั้นจึงมีมีความเจ็บปวดใจ จิตใจไม่เบิกบาน อันที่จริงแล้วเรื่องเหล่านี้เป็นความทุกข์กลัดกลุ้มที่คนเราหามาใส่ตัวเอง หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ตนเองหลับหูหลับตาไปแสวงหา ทั้งที่ตนเองสามารถทาได้และไม่อยากทา นี่เรียกว่าตนเองทาเองรับเอง (หาความทุกข์ใส่ตัวเอง) หากสามารถมองถ่องแท้ คิดไตร่ตรองให้กระจ่างแจ้ง เจ้าก็จะได้รับความสุข


อ้างถึง
คนเราบ่อยครั้งที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามจึงเกิดความท้อแท้ถดถอย จิตใจท้อแท้ถดถอย พวกเจ้าจาเป็นต้องไปเผชิญหน้ากับมัน แก้ไขปัญหาต่างๆ จึงจะสามารถประสบความสาเร็จ มองเห็นคนอื่นดูเหมือนจะประสบสาเร็จง่ายดายมาก แต่แท้จริงแล้วล้วนต้องผ่านความเสียสละและทุ่มเทใจ เพราะว่าความสาเร็จนั้นมิใช่เรื่องบังเอิญ มีเพียงตัวเราเองต้องทุ่มเทใจอย่างแท้จริง เบื้องหลังอาจได้รับความลาบากบ้าง นั่นจึงเป็นความสาเร็จอย่างแท้จริง

ทุกคนต่างก็มีหนทางตันและมีเรื่องที่จาเป็นต้องฝ่าฟันไปให้ได้ แม้ว่าจุดตันจะฝังอยู่ในใจพวกเรานานเท่าไหร่ ขอเพียงศิษย์ทั้งหลายไม่ยอมแพ้ กล้าหาญที่จะก้าวออกมา ขอเพียงศิษย์ทั้งหลายรู้จักขอบคุณตัวเอง ขอบคุณฟ้าเบื้องบน ขอบคุณบุพการีของเจ้าที่มอบทุกอย่างให้ ตั้งใจถนอมรักษาไว้ให้ดี เส้นทางสายนี้จะสว่างไสวตลอดไป

หากไม่ผ่านความมืดมิด ในเลยจะปรากฏความล้าค่าสูงส่งของแสงสว่างโชติช่วง ยิ่งเจออุปสรรคความ
ยากลาบาก ยิ่งจะต้องกล้าหาญไปฝ่าฟัน ตั้งปณิธานความมุ่งมั่น เข้มแข็งยืนหยัดต่อไปให้ถึงที่สุด ยิ่งกว่านั้นจะต้องมีความมั่นคงศรัทธาตลอดไป ขอเพียงพวกเจ้ามีความศรัทธาจริงใจอย่างถึงที่สุด ดังที่เรียกว่า “ความจริงใจศรัทธาย่อมเกิดความศักดิ์สิทธิ์” ฟ้าเบื้องบนย่อมไม่ทอดทิ้งหรือผิดต่อพวกเจ้าอย่างแน่นอน พระคุณฟ้าดินนั้นยิ่งใหญ่ เราทั้งหลายล้วนโชคดีมีวาสนา อาจารย์หวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมีแต่ความคิดที่ดีงาม ชะตาชีวิตก็จะอยู่ในกามือของตนเอง คนอื่นไม่อาจบงการพวกเราได้ เข้าใจไหม?

ไม่ว่าวันนี้เจ้าอาจคิดว่ามาที่นี่เพื่อดูละคร หรือว่าเจ้าจะเคารพให้ความสาคัญตนเองอย่างแท้จริง หรือตัวเจ้าเองอาจรู้สึกว่าในชีวิตนี้ควรจะมีเส้นทางสายหนึ่งที่ให้เจ้ามุ่งไปตามนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บนเส้นทางชีวิตคน ทุกคนที่ต้องการเติบโต แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครที่ไม่เคยหกล้มมาก่อน ไม่ว่าวันนี้เจ้าเลือกเส้นทางไหน จะต้องแยกแยะให้ชัดเจน มองเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน ตั้งใจก้าวดาเนินไปบนเส้นทางชีวิตของเจ้าให้สมบูรณ์


อ้างถึง
หากปรารถนาจะดารงชีวิตให้มีความหมาย จิตใจจะต้องมีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง และจิตใจจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบรู้พลิกแพลง อย่าทาให้จิตใจของตนเองต้องตกต่า ยามเจออุปสรรคขวากหนาม ถูกปฏิเสธ ไม่เป็นไร สิ่งเหล่านี้อาจารย์เองก็เคยได้รับมาก่อน แต่อาจารย์ก็เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เดินมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่า ไม่ใช่คนทุกคน ไม่ใช่ศิษย์ทุกคนจะยินยอมน้อมรับอาจารย์ แต่อาจารย์ยังคงมีจิตใจยึดมั่นไม่หวั่นไหวระย่อท้อ ไม่เคยพูดเลยว่าจะทอดทิ้งพวกเจ้า

ศิษย์ทั้งหลายต้องตั้งใจให้ดี บาเพ็ญธรรมให้ดีๆ ด้านมนุษยธรรม ด้านบาเพ็ญอนุตตรธรรมต้องปฏิบัติดาเนินให้ถึงที่สุด ขอเพียงศิษย์สบายดี อาจารย์ก็สบายใจ ต้องเข้าใจว่าชีวิตมีคุณค่าความหมาย ชีวิตนี้จึงไม่สูญเปล่า ถึงแม้บางครั้งศิษย์ไม่อาจแสดงความสามารถได้เต็มที่ แต่ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย จะเร่งรีบร้อนใจก็ไม่ได้ ดังนั้นจะต้องมีปณิธานความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่ แต่อย่าได้ใฝ่สูงหวังไกลเกินไป ศึกษาพระคัมภีร์ต่างๆให้มาก ทาความเข้าใจในหลักเหตุผล ยึดหลักสัจธรรมบาเพ็ญจริง ต้องตื่นแจ้งอย่างถ่องแท้ว่ากายสังขารนี้คือตัวปลอม แม้กระทั่งการเจ็บป่วยก็เป็นสิ่งจอมปลอม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ต้องมองให้กระจ่าง ตั้งใจบาเพ็ญธรรมให้ดี อย่าได้ลืมความทุ่มเทใจของอาจารย์

พวกเจ้าต้องเชื่อฟัง ว่านอนสอนง่าย ทุกคนต้องทุ่มเทใจ เพื่อการปฏิบัติงานธรรมบ่อยครั้งต้องรับความทุกข์ยากลาบาก สิ่งเหล่านี้อาจารย์ล้วนทราบดี พวกเจ้าต้องจดจาไว้ว่า ระหว่างเส้นทางการบาเพ็ญยากหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจออุปสรรคความทุกข์ยากลาบาก เจ้าดูสิว่าตั้งแต่โบราณกาลมา เซียนพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลาย ต่างล้วนต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามนานัปการจึงบรรลุธรรมสาเร็จอริยมรรค มีคาสุภาษิตกล่าวว่า “ไม่เคยผ่านความหนาวเหน็บจนเข้ากระดูก ไหนเลยจะพบกลิ่นหอมกรุ่นของดอกเหมยงาม ? ” ดังนั้น ต้องรู้จักภาระหน้าที่ เข้าใจชะตาชีวิต เจ้าจึงสามารถกาหนดชีวิต ชาระชีวิตบุญบาปได้
ตอบ ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
หน้า: 1 2 3 [4]

96 ธรรมคือแรงใจ | ปิ๊งแว๊บ ! ปััญญาแจ่มบรรเจิด | อ่านธรรม | มูลนิธิเมตตาอาทร | เสบียงบุญ | วิถีอนุตตรธรรม |

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความคิดเห็น

1. โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
2. ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นเวบบอร์ดโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไปและสมาชิก
ซึ่งทีมงาน 96rangjai มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้
3. หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
4. ทีมงาน 96rangjai ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น